สินค้า
ไม้กระดานคืออะไร? และการใช้งานในงานก่อสร้างและตกแต่ง
ไม้กระดาน เป็นวัสดุไม้ที่ผ่านการแปรรูปจากต้นไม้ใหญ่ โดยถูกตัดและไสจนมีลักษณะเป็นแผ่นเรียบ มีขนาดและความหนาต่าง ๆ ตามการใช้งาน ไม้กระดานนับเป็นหนึ่งในวัสดุที่สำคัญในงานก่อสร้างและการตกแต่งบ้าน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านความสวยงาม ความแข็งแรง และความยืดหยุ่นที่สามารถปรับใช้ได้หลากหลายรูปแบบ
ลักษณะและประเภทของไม้กระดาน
ลักษณะของไม้กระดาน
มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบ ขนาดมาตรฐานทั่วไปอยู่ที่กว้าง 6-12 นิ้ว ยาว 1-3 เมตร และความหนา 1-2 นิ้ว
ผลิตจากไม้เนื้อแข็งและไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง ไม้ยางพารา
ประเภทของไม้กระดาน
ไม้กระดานเนื้อแข็ง: เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้ประดู่ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง
ไม้กระดานเนื้ออ่อน: เช่น ไม้สน ไม้ยางพารา เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายในที่ไม่ต้องการรองรับน้ำหนักมาก
การใช้งานของไม้กระดานในงานก่อสร้าง
การทำพื้นบ้าน
ไม้กระดานถูกใช้ในการปูพื้นบ้าน เนื่องจากมีความแข็งแรงและให้ความรู้สึกอบอุ่น
นิยมใช้ไม้กระดานขนาดใหญ่ เช่น ไม้เต็ง หรือไม้สัก ที่ทนทานต่อแรงกด
การทำบันได
ไม้กระดานใช้ในการทำขั้นบันได เพราะมีความหนาและแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี
ไม้ที่นิยมใช้คือไม้แดงและไม้สัก
การทำโครงสร้างชั่วคราว
ใช้ไม้กระดานเป็นฐานรองหรือไม้ค้ำยันในงานก่อสร้าง เช่น ทำแบบหล่อปูน
การใช้งานของไม้กระดานในงานตกแต่ง
ทำผนังไม้และฝ้าเพดาน
ไม้กระดานถูกนำมาใช้ในการตกแต่งผนังและฝ้าเพดาน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและความสวยงามให้กับบ้าน
ไม้สนและไม้ยางพาราเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับงานตกแต่งภายใน
เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน
ไม้กระดานสามารถนำมาทำโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของ และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ
การใช้ไม้กระดานแท้ช่วยเพิ่มความหรูหราและเอกลักษณ์ให้กับเฟอร์นิเจอร์
พื้นไม้สำหรับระเบียงหรือพื้นที่กลางแจ้ง
ใช้ไม้กระดานที่ผ่านการเคลือบสารป้องกันปลวกและความชื้น เช่น ไม้สักหรือไม้เต็ง
ข้อดีของไม้กระดาน
ความสวยงามตามธรรมชาติ
ลวดลายและสีสันของไม้กระดานแต่ละแผ่นมีความแตกต่าง ทำให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ความแข็งแรงและทนทาน
ไม้กระดานเนื้อแข็งสามารถใช้งานได้ยาวนาน ทนต่อแรงกดและสภาพแวดล้อม
ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
สามารถปรับแต่งรูปทรงและขนาดได้ตามความต้องการ
ข้อควรระวังในการใช้ไม้กระดาน
ความชื้นและแมลง
ไม้กระดานอาจเสียหายจากความชื้นหรือถูกปลวกทำลาย ควรเคลือบสารป้องกันและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
การบำรุงรักษา
ต้องทำการขัดและเคลือบสีใหม่เป็นระยะเพื่อรักษาความสวยงามและยืดอายุการใช้งาน
ไม้กระดานเป็นวัสดุที่มีความสำคัญทั้งในงานก่อสร้างและงานตกแต่ง ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และสวยงามตามธรรมชาติ การเลือกไม้กระดานที่เหมาะสมกับงานจะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าและความโดดเด่นให้กับบ้านหรือโครงสร้างต่าง ๆ นอกจากนี้ การดูแลรักษาไม้กระดานอย่างถูกวิธีจะช่วยให้งานไม้คงความสวยงามและใช้งานได้ยาวนาน[1]
ประเภทของไม้กระดานที่นิยมใช้ในประเทศไทย
ไม้กระดาน เป็นวัสดุที่สำคัญในงานก่อสร้างและตกแต่งบ้านในประเทศไทย โดยเฉพาะในบ้านไม้หรือโครงสร้างที่ต้องการความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ไม้กระดานมีหลากหลายประเภทที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านความแข็งแรง ความสวยงาม และความคุ้มค่า บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประเภทของไม้กระดานที่นิยมใช้ในประเทศไทย
ประเภทของไม้กระดานที่นิยมใช้
คุณสมบัติ: ไม้สักมีลวดลายที่สวยงามตามธรรมชาติ สีออกเหลืองทองถึงน้ำตาลเข้ม และมีน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยป้องกันปลวกและความชื้น
การใช้งาน: นิยมใช้ในงานตกแต่งบ้าน เช่น ปูพื้น ทำเฟอร์นิเจอร์ และทำผนังไม้
ข้อดี: ทนทานต่อสภาพอากาศและแมลง สามารถใช้งานได้ยาวนาน
ข้อเสีย: มีราคาสูง
คุณสมบัติ: ไม้เต็งเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีสีแดงเข้มหรือสีน้ำตาล มีความแข็งแรงสูงและทนต่อแรงกด
การใช้งาน: ใช้ทำพื้นไม้ บันได หรือโครงสร้างที่ต้องการรับน้ำหนักมาก
ข้อดี: แข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับงานโครงสร้าง
ข้อเสีย: น้ำหนักมากและต้องดูแลรักษาอย่างดี
คุณสมบัติ: ไม้แดงมีเนื้อแข็ง สีออกแดงเข้ม ลวดลายสวยงาม และมีความทนทานต่อสภาพอากาศ
การใช้งาน: ใช้ในงานโครงสร้าง เช่น คาน พื้น หรือผนัง
ข้อดี: มีความทนทานสูงและต้านทานปลวกได้ดี
ข้อเสีย: มีน้ำหนักมากและราคาสูง
คุณสมบัติ: ไม้ประดู่มีสีแดงเข้มหรือสีน้ำตาล ลวดลายชัดเจน เนื้อไม้มีความแข็งแรงและทนต่อแมลง
การใช้งาน: นิยมใช้ในงานตกแต่ง เช่น ทำเฟอร์นิเจอร์หรืองานศิลปะ
ข้อดี: สวยงามและแข็งแรง
ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง
ไม้ยางพารา
คุณสมบัติ: ไม้ยางพาราเป็นไม้เนื้ออ่อน สีอ่อน น้ำหนักเบา และหาได้ง่ายในประเทศไทย
การใช้งาน: ใช้ในงานตกแต่งภายใน เช่น ปูพื้น ทำชั้นวางของ หรือเฟอร์นิเจอร์เบา
ข้อดี: ราคาถูก หาง่าย และน้ำหนักเบา
ข้อเสีย: ไม่ทนต่อความชื้นและแมลง ต้องเคลือบสารป้องกัน
คุณสมบัติ: ไม้สนมีลักษณะเนื้ออ่อน สีเหลืองอ่อน มีลวดลายที่โดดเด่น และน้ำหนักเบา
การใช้งาน: ใช้ในงานตกแต่ง เช่น ทำผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการความสวยงามและความเบา
ข้อดี: สวยงามและน้ำหนักเบา
ข้อเสีย: ไม่ทนต่อปลวกและความชื้น ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ
ไม้เบญจพรรณ
คุณสมบัติ: ไม้เบญจพรรณเป็นไม้ที่ได้จากการรวมไม้หลากหลายชนิด มีความแข็งแรงปานกลางและราคาถูก
การใช้งาน: ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป เช่น พื้นหรือผนังที่ไม่ต้องการความทนทานสูง
ข้อดี: ราคาไม่แพงและหาได้ง่าย
ข้อเสีย: คุณภาพไม่สม่ำเสมอ
การเลือกใช้ไม้กระดานให้เหมาะสม
สำหรับงานโครงสร้าง
เลือกไม้ที่มีความแข็งแรงสูง เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง หรือไม้ประดู่
สำหรับงานตกแต่งภายใน
ใช้ไม้ที่มีลวดลายสวยงามและน้ำหนักเบา เช่น ไม้สน หรือไม้ยางพารา
สำหรับงานที่ต้องการความหรูหรา
เลือกไม้สักหรือไม้ประดู่ ที่มีลวดลายและสีสันโดดเด่น
สำหรับงานที่ต้องการความคุ้มค่า
เลือกไม้เบญจพรรณ ที่มีราคาถูกและเหมาะกับงานทั่วไป
ไม้กระดานมีหลากหลายประเภทที่เหมาะกับงานต่าง ๆ ในประเทศไทย การเลือกใช้ไม้กระดานที่เหมาะสมกับลักษณะงานจะช่วยเพิ่มความสวยงามและความทนทานให้กับโครงสร้างหรือการตกแต่งภายในบ้าน ไม้ที่นิยม เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง และไม้แดง มีคุณสมบัติที่แข็งแรงและทนทาน ในขณะที่ไม้สนและไม้ยางพาราเหมาะสำหรับงานตกแต่งที่ต้องการความเบาและราคาไม่สูง การดูแลรักษาไม้กระดานอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานและคุ้มค่ากับการลงทุน[1]
ไม้กระดานสำหรับงานพื้นบ้าน ขนาดและคุณสมบัติที่เหมาะสม
ไม้กระดาน เป็นวัสดุที่นิยมใช้สำหรับปูพื้นบ้านในงานก่อสร้างแบบดั้งเดิมและงานตกแต่งภายในบ้าน เนื่องจากมีความสวยงามตามธรรมชาติ แข็งแรง และทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว การเลือกไม้กระดานที่เหมาะสมสำหรับงานพื้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความนี้จะช่วยให้คุณทราบถึงขนาดและคุณสมบัติของไม้กระดานที่เหมาะสำหรับงานพื้นบ้าน
ขนาดของไม้กระดานสำหรับงานพื้นบ้าน
การเลือกขนาดของไม้กระดานควรพิจารณาจากขนาดพื้นที่และลักษณะการใช้งาน โดยมีขนาดที่นิยมดังนี้:
ความหนา
ไม้กระดานสำหรับปูพื้นควรมีความหนา 1 นิ้ว หรือมากกว่า เพื่อรองรับน้ำหนักและป้องกันการบิดงอ
สำหรับพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก ควรเลือกความหนา 1.5 – 2 นิ้ว
ความกว้าง
ขนาดความกว้างที่นิยมคือ 6 – 12 นิ้ว
ความกว้างมากจะช่วยลดรอยต่อและเพิ่มความสวยงามของพื้นบ้าน
ความยาว
ไม้กระดานสำหรับพื้นบ้านมักมีความยาวตั้งแต่ 1.5 – 3 เมตร เพื่อความสะดวกในการติดตั้ง
คุณสมบัติของไม้กระดานที่เหมาะสมสำหรับปูพื้นบ้าน
ความแข็งแรง
ควรเลือกไม้กระดานที่มีเนื้อไม้แข็งแรง เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง หรือไม้สัก เพื่อรองรับน้ำหนักและการใช้งานในระยะยาว
ความทนทานต่อความชื้น
ไม้กระดานที่เหมาะสำหรับพื้นควรผ่านกระบวนการอบแห้ง เพื่อลดการหดตัวหรือบวมเมื่อสัมผัสกับความชื้น
ความทนทานต่อแมลง
เลือกไม้ที่มีคุณสมบัติต้านทานปลวกและแมลง เช่น ไม้สัก หรือไม้ที่เคลือบสารกันแมลง
ลวดลายและสีสัน
ไม้กระดานที่มีลวดลายธรรมชาติสวยงาม เช่น ไม้สักหรือไม้ประดู่ จะช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับพื้นบ้าน
ความง่ายในการดูแลรักษา
ไม้กระดานที่มีผิวหน้าเรียบง่ายต่อการขัดเงาหรือเคลือบสีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ชนิดไม้กระดานที่เหมาะสำหรับงานพื้นบ้าน
ไม้สัก
คุณสมบัติ: ทนต่อความชื้นและปลวก ลวดลายสวยงาม
การใช้งาน: เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความหรูหราและอายุการใช้งานยาวนาน
ไม้เต็ง
คุณสมบัติ: แข็งแรงและทนต่อแรงกดสูง
การใช้งาน: เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ใช้งานหนัก เช่น ห้องนั่งเล่นหรือพื้นที่กลางแจ้ง
ไม้แดง
คุณสมบัติ: แข็งแรงและทนทานต่อสภาพอากาศ
การใช้งาน: เหมาะสำหรับพื้นบ้านในพื้นที่ชื้นหรือกลางแจ้ง
ไม้ประดู่
คุณสมบัติ: ลวดลายสวยงามและแข็งแรง
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานพื้นบ้านที่ต้องการความโดดเด่น
ไม้ยางพารา
คุณสมบัติ: น้ำหนักเบาและราคาไม่แพง
การใช้งาน: เหมาะสำหรับพื้นที่ภายในที่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูง
เคล็ดลับการเลือกไม้กระดานสำหรับพื้นบ้าน
ตรวจสอบคุณภาพไม้
เลือกไม้กระดานที่ไม่มีรอยแตกร้าว และผิวหน้าเรียบเนียน
เลือกไม้ที่ผ่านการอบแห้ง
ไม้ที่อบแห้งจะลดโอกาสการบิดงอหรือหดตัวเมื่อใช้งาน
พิจารณาจากงบประมาณ
หากมีงบประมาณจำกัด ไม้ยางพาราหรือไม้เบญจพรรณอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
ใช้สารเคลือบป้องกัน
ก่อนติดตั้ง ควรเคลือบสารกันปลวกและน้ำมันรักษาเนื้อไม้
การดูแลรักษาไม้กระดานพื้นบ้าน
ทำความสะอาดพื้นอย่างสม่ำเสมอ
ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดเพื่อป้องกันฝุ่นและคราบสกปรกสะสม
เคลือบสีหรือขัดเงา
ควรเคลือบผิวไม้ทุก 1-2 ปี เพื่อรักษาความสวยงามและป้องกันการเสื่อมสภาพ
ป้องกันความชื้น
หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรงและใช้พรมรองพื้นที่เปียก
ไม้กระดานสำหรับงานพื้นบ้านควรเลือกขนาดและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน ทั้งนี้การเลือกไม้ที่มีคุณภาพดี เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง หรือไม้แดง จะช่วยให้พื้นบ้านมีความสวยงาม แข็งแรง และใช้งานได้ยาวนาน การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานไม้กระดานและรักษาความงามของบ้านในทุกมิติ[2]
กระบวนการผลิตไม้กระดาน ตั้งแต่การตัดไม้จนถึงการแปรรูป
ไม้กระดาน เป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีความสวยงามตามธรรมชาติ แข็งแรง และสามารถใช้งานได้หลากหลาย การผลิตไม้กระดานต้องผ่านหลายขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน เพื่อให้ได้วัสดุที่มีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในงานก่อสร้างและตกแต่งบ้าน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกระบวนการผลิตไม้กระดาน ตั้งแต่การตัดไม้ในป่าจนถึงการแปรรูปสำเร็จพร้อมใช้งาน
ขั้นตอนที่ 1: การเลือกไม้และการตัดไม้
การเลือกต้นไม้ที่เหมาะสม
ผู้ผลิตจะเลือกต้นไม้ที่มีอายุเหมาะสมและมีคุณสมบัติที่ดี เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง หรือไม้ยางพารา โดยพิจารณาจากความแข็งแรง ขนาด และคุณภาพของเนื้อไม้
การตัดไม้ (Logging)
ใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น เลื่อยโซ่ยนต์ (Chainsaw) หรือเครื่องตัดไม้ขนาดใหญ่ เพื่อตัดต้นไม้ในป่า
หลังจากตัดไม้ จะมีการลอกเปลือกไม้ออกบางส่วนเพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการขนส่ง
การขนส่งไม้ซุง (Log Transportation)
ไม้ซุงจะถูกขนส่งจากแหล่งป่าไม้ไปยังโรงงานแปรรูป โดยใช้รถบรรทุกหรือระบบขนส่งทางน้ำ
ขั้นตอนที่ 2: การตัดและแปรรูปเบื้องต้น
การคัดแยกไม้ซุง (Sorting Logs)
เมื่อถึงโรงงาน ไม้ซุงจะถูกคัดแยกตามขนาด ความยาว และคุณภาพ เพื่อให้เหมาะสมกับการผลิตไม้กระดาน
การตัดไม้ซุงเป็นแผ่น (Sawing)
ไม้ซุงจะถูกตัดเป็นแผ่นบาง ๆ ตามขนาดที่ต้องการ โดยใช้เครื่องเลื่อยวงเดือน (Circular Saw) หรือเครื่องเลื่อยสายพาน (Band Saw)
ขนาดมาตรฐานของไม้กระดานสำหรับงานก่อสร้างมักมีความหนา 1-2 นิ้ว ความกว้าง 6-12 นิ้ว
การลอกเปลือกและตกแต่งพื้นผิว (Debarking and Planing)
ลอกเปลือกไม้ออกทั้งหมดและตกแต่งผิวหน้าไม้ให้เรียบ เพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการอบแห้ง
ขั้นตอนที่ 3: การอบแห้ง (Drying)
การอบแห้งธรรมชาติ (Air Drying)
วางไม้กระดานในพื้นที่เปิด โดยจัดเรียงให้มีการระบายอากาศที่ดี วิธีนี้ใช้เวลานานและเหมาะสำหรับไม้ที่ไม่เร่งการผลิต
การอบแห้งในเตาอบ (Kiln Drying)
ใช้เตาอบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อดึงความชื้นออกจากเนื้อไม้จนเหลือประมาณ 8-12%
วิธีนี้ช่วยลดเวลาการอบแห้งและลดปัญหาการหดตัวหรือบิดงอของไม้กระดาน
ขั้นตอนที่ 4: การแปรรูปขั้นสุดท้าย
การตัดแต่งขนาด (Sizing and Shaping)
ไม้กระดานที่อบแห้งแล้วจะถูกตัดแต่งขนาดให้ได้มาตรฐาน เช่น ตัดขอบให้เรียบและขจัดส่วนที่มีตำหนิ
การขัดผิวไม้ (Sanding)
ใช้เครื่องขัดผิวไม้เพื่อทำให้พื้นผิวเรียบเนียนและพร้อมสำหรับการใช้งาน
การเคลือบผิวไม้ (Coating)
ไม้กระดานบางประเภทอาจถูกเคลือบด้วยสารป้องกันปลวกหรือเคลือบเงา เพื่อเพิ่มความทนทานและความสวยงาม
ขั้นตอนที่ 5: การตรวจสอบคุณภาพและบรรจุภัณฑ์
การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Inspection)
ตรวจสอบว่าไม้กระดานมีขนาดถูกต้อง ไม่มีรอยแตกหรือบิดงอ และมีความชื้นอยู่ในระดับมาตรฐาน
การบรรจุและขนส่ง (Packaging and Shipping)
ไม้กระดานที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจะถูกบรรจุในชุดตามขนาดและประเภท ก่อนส่งไปยังผู้ค้าหรือผู้ใช้งาน
ข้อดีของกระบวนการผลิตไม้กระดานที่ได้มาตรฐาน
คุณภาพเนื้อไม้สูง
ไม้กระดานที่ผ่านการอบแห้งและตกแต่งผิวหน้าจะมีคุณภาพสูง แข็งแรง และทนทาน
ลดปัญหาการบิดงอ
การอบแห้งช่วยลดความชื้นในเนื้อไม้ ลดการหดตัวหรือบิดงอเมื่อใช้งาน
เหมาะสำหรับการใช้งานหลากหลาย
ไม้กระดานที่ได้มาตรฐานสามารถใช้ได้ทั้งในงานก่อสร้างและงานตกแต่ง
กระบวนการผลิตไม้กระดานเริ่มต้นจากการเลือกต้นไม้คุณภาพดีในป่า ตัดไม้และขนส่งเข้าสู่โรงงานแปรรูป ผ่านการตัดแต่ง อบแห้ง และเคลือบผิวไม้ เพื่อให้ได้ไม้กระดานที่เหมาะสมกับการใช้งาน การทำความเข้าใจกระบวนการผลิตนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกไม้กระดานที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและความทนทานในงานก่อสร้างและตกแต่งบ้าน
เทคนิคการเลือกซื้อไม้กระดานสำหรับงานต่าง ๆ
ไม้กระดาน เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในงานก่อสร้างและงานตกแต่ง เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และให้ความสวยงามตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อไม้กระดานให้เหมาะสมกับลักษณะงานต่าง ๆ ต้องอาศัยความรู้และการพิจารณาอย่างรอบคอบ บทความนี้จะนำเสนอเทคนิคสำคัญในการเลือกซื้อไม้กระดานให้ตรงกับความต้องการ
1. พิจารณาประเภทของงานที่ต้องการใช้ไม้กระดาน
งานปูพื้นบ้าน
ควรเลือกไม้กระดานที่มีความแข็งแรงสูง เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง หรือไม้แดง
ความหนาที่เหมาะสมสำหรับปูพื้นควรอยู่ที่ 1-2 นิ้ว เพื่อรองรับน้ำหนักและลดการบิดงอ
งานตกแต่งผนังหรือฝ้าเพดาน
ไม้กระดานสำหรับงานตกแต่งควรมีน้ำหนักเบา เช่น ไม้ยางพาราหรือไม้เบญจพรรณ
เลือกขนาดที่บางกว่า เช่น 0.5-1 นิ้ว เพื่อความสะดวกในการติดตั้ง
งานเฟอร์นิเจอร์หรือชิ้นงานประณีต
ไม้กระดานที่เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ควรเป็นไม้ที่มีลวดลายสวยงาม เช่น ไม้ประดู่ หรือไม้สัก
พื้นผิวควรเรียบเนียนและมีขนาดตามแบบที่กำหนด
งานโครงสร้างหรือภายนอกบ้าน
สำหรับงานที่ต้องรับแรง เช่น คานหรือโครงสร้าง ควรเลือกไม้กระดานที่แข็งแรงมาก เช่น ไม้เต็งหรือไม้แดง
ไม้ควรผ่านการอบแห้งและเคลือบสารกันปลวก
2. ตรวจสอบคุณภาพไม้กระดาน
ลักษณะภายนอกของไม้
ตรวจดูผิวไม้ให้เรียบเนียน ไม่มีรอยแตกร้าว หรือร่องรอยของแมลงกัดกิน
ลวดลายของไม้ควรชัดเจนและสม่ำเสมอ
การอบแห้ง
เลือกไม้กระดานที่ผ่านการอบแห้งเพื่อลดความชื้นในเนื้อไม้ ซึ่งช่วยป้องกันการบิดงอและการหดตัวในอนาคต
ความแข็งแรงและความหนาแน่น
ทดสอบความแข็งแรงโดยการเคาะ หากเสียงแน่นและกังวาน แสดงว่าไม้มีความหนาแน่นดี
หากไม้เบาเกินไป อาจมีความชื้นตกค้างหรือคุณภาพต่ำ
3. เลือกชนิดไม้กระดานที่เหมาะสม
ไม้สัก
คุณสมบัติ: ทนต่อปลวกและความชื้น ลวดลายสวยงาม
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายในและงานเฟอร์นิเจอร์
ไม้เต็ง
คุณสมบัติ: แข็งแรง ทนทานต่อแรงกดสูง
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานโครงสร้างและภายนอกบ้าน
ไม้แดง
คุณสมบัติ: ทนต่อสภาพอากาศและการใช้งานหนัก
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานพื้นบ้านและโครงสร้าง
ไม้ประดู่
คุณสมบัติ: ลวดลายโดดเด่น สีสันสวยงาม
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์
ไม้ยางพารา
คุณสมบัติ: น้ำหนักเบา ราคาประหยัด
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานตกแต่งที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก
4. พิจารณาขนาดและราคาไม้กระดาน
เลือกขนาดที่เหมาะสม
ความกว้างและความยาวของไม้ควรสอดคล้องกับลักษณะงาน เพื่อลดการตัดแต่งและลดเศษวัสดุ
ความหนาควรเพียงพอสำหรับรองรับน้ำหนักในงานโครงสร้าง
เปรียบเทียบราคา
ราคาไม้กระดานจะแตกต่างกันตามชนิดไม้และคุณภาพ ควรเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่งเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม
5. แหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ
เลือกซื้อจากร้านค้าที่มีชื่อเสียง
ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือและรีวิวดี เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพไม้กระดาน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าของร้านเกี่ยวกับชนิดไม้ที่เหมาะสมสำหรับงานที่คุณต้องการ
ตรวจสอบใบรับรองคุณภาพไม้
ไม้กระดานที่ได้มาตรฐานควรมีใบรับรองจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council)
6. เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเลือกซื้อไม้กระดาน
วางแผนปริมาณการใช้งาน
คำนวณปริมาณไม้กระดานที่ต้องใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสั่งซื้อเกินความจำเป็นหลีกเลี่ยงการซื้อไม้ที่มีรอยตำหนิ
ไม้กระดานที่มีรอยแตกร้าวหรือร่องรอยแมลง อาจส่งผลต่อความทนทานในระยะยาวขอคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษา
การดูแลไม้กระดานอย่างเหมาะสม เช่น การเคลือบสารกันปลวกหรือขัดเงา จะช่วยยืดอายุการใช้งาน
การเลือกซื้อไม้กระดานที่เหมาะสมสำหรับงานต่าง ๆ ต้องพิจารณาจากประเภทของงาน คุณสมบัติของไม้ และแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ การเลือกชนิดไม้ที่เหมาะสม เช่น ไม้สักสำหรับงานตกแต่ง หรือไม้เต็งสำหรับงานโครงสร้าง จะช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจสอบคุณภาพไม้และการเปรียบเทียบราคายังช่วยให้คุณได้วัสดุที่คุ้มค่าและมีคุณภาพสูง
สรุป
เนื่องจากไม้เป็นวัสดุที่ได้จากธรรมชาติ โดยจะต้องเป็นไม้จริง หรือไม้แท้เท่านั้น วัสดุอย่างไม้นั้นสามารถนำมาเลื่อย ไส และตกแต่งเพิ่มเติมได้ง่าย เมื่อเทียบกับวัสดุประเภทอื่นอาจทำได้ค่อนข้างยาก นอกจากนี้ลวดลายของเนื้อไม้ยังดูสวยงามเป็นธรรมชาติ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังไม่เป็นสนิมอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไม้ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในการก่อสร้าง หรือทำเฟอร์นิเจอร์ วัสดุอย่างไม้ก็สามารถทำได้ดี เรียกว่าเป็นวัสดุที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของไม้กระดาน ส่วนหนึ่งของโครงสร้างบ้านที่ทุกหลังต้องมีซึ่งปัจจุบันนี้ไม้พื้นอย่างกระดานนั้นมีตัวเลือกให้คุณหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งไม้แต่ละแบบก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง และมีเสน่ห์เฉพาะตัว และหากคุณกำลังตามหาไม้เก่า หรือไม้แปรรูปชนิดต่าง ๆ TWOMENWOOD ยินดีให้คำแนะนำ พร้อมกับนำเสนอไม้แปรรูป อย่างไม้กระดานทั้งไม้ใหม่และไม้เก่าที่น่าสนใจให้ได้เลือกซื้อกันด้วย สำหรับท่านใดต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี