Your Cart

ไม้ปาเก้ ไม่ใช่แค่ไม้ที่ใช้ทำพื้นอย่างเดียว

ไม้ปาเก้
https://www.thaigoodwood.com/wp-content/uploads/2014/07/DSCF7282-Small.jpg

ไม้ปาเก้ คืออะไรและสำคัญอย่างไร

ไม้ปาเก้ เป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ด้วยความสวยงามแบบธรรมชาติที่ให้ความอบอุ่นและความหรูหราแก่บ้านหรืออาคาร ไม้ปาเก้ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งบ้านที่เน้นความเป็นธรรมชาติและความยั่งยืน

ไม้ปาเก้ คืออะไร

ไม้ปาเก้ คือวัสดุปูพื้นที่ทำจากไม้จริง โดยผ่านกระบวนการตัดไม้ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งสามารถนำมาจัดเรียงเป็นลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายก้างปลา (Herringbone), ลายตาราง (Basket Weave) และลายฟันปลา (Chevron) ลักษณะเด่นของไม้ปาเก้คือความแข็งแรง ทนทาน และลวดลายไม้ธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์[2]

ความสำคัญของไม้ปาเก้

  1. เพิ่มความสวยงามและอบอุ่นให้บ้าน
    ไม้ปาเก้มีลวดลายไม้ธรรมชาติที่ไม่ซ้ำกัน ให้ความรู้สึกหรูหราและสง่างาม

  2. ทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน
    ด้วยความแข็งแรงของไม้จริง ไม้ปาเก้สามารถใช้งานได้นานนับสิบปี หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

  3. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    ไม้ปาเก้เป็นวัสดุธรรมชาติที่สามารถรีไซเคิลได้ และกระบวนการผลิตมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย

  4. เพิ่มมูลค่าให้บ้าน
    บ้านที่ใช้ไม้ปาเก้มักได้รับความสนใจจากผู้ซื้อในอนาคต เนื่องจากพื้นไม้ช่วยเพิ่มมูลค่าและเสน่ห์ให้บ้าน

การดูแลรักษาไม้ปาเก้

  • หมั่นทำความสะอาดด้วยผ้าแห้งหรือไม้ถูพื้นหมาด ๆ เพื่อป้องกันฝุ่นสะสม

  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงในการทำความสะอาด

  • ทาน้ำยากันปลวกและขัดเงาเป็นประจำเพื่อคงความสวยงาม

ข้อดีของไม้ปาเก้เมื่อเทียบกับวัสดุอื่น

  • ความสวยงาม: ไม้ปาเก้มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์จากธรรมชาติ

  • อายุการใช้งาน: มีความทนทานและสามารถซ่อมแซมได้เมื่อเกิดรอยขีดข่วน

  • ความหลากหลาย: สามารถจัดเรียงลวดลายได้หลายรูปแบบตามความต้องการ

ไม้ปาเก้ไม่เพียงแต่เป็นวัสดุปูพื้นที่สวยงามและแข็งแรง แต่ยังเป็นตัวเลือกที่สะท้อนถึงความรักในธรรมชาติและความยั่งยืน ด้วยความสามารถในการปรับแต่งลวดลายได้หลากหลาย ไม้ปาเก้จึงเหมาะกับทุกสไตล์ของการตกแต่งบ้าน[2]

 
ไม้ลามิเนต
https://www.kswood.com/

ไม้ปาเก้ ไม่ใช่แค่ไม้ที่ใช้ทำพื้นอย่างเดียว

ไม้ป้าเก้ นั้นไม่ได้ใช้แค่ไม้เป็นวัสดุหลัก แต่ยังใช้วัสดุอื่น ๆ ได้ อย่างเช่น

· พื้นเอ็นจิเนียร์ พื้นเอ็นจิเนียร์ ถูกดัดแปลงโดยใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยพื้นที่ผิวด้านบนของไม้ก็ยังเป็นพื้นไม้จริงอยู่ เพราะฉะนั้นผิวสัมผัสของพื้นเอ็นจิเนียร์ จะให้ความรู้สึกที่คล้ายกับพื้นไม้จริง และลวดลายของพื้นคล้ายคลึงกับพื้นไม้จริงมากที่สุด ทำให้บ้านดูคลาสสิค อบอุ่น

· พื้นลามิเนต พื้นลามิเนตไม่ใช่พื้นไม้จริง เพียงแต่เป็นวัสดุที่ผลิตออกมาสำหรับทดแทนพื้นไม้จริง พื้นลามิเนตนั้นมีราคาถูกกว่ามากหากเทียบกับไม้จริง สามารถทำการติดตั้งได้รวดเร็วกว่าพื้นไม้จริง สำหรับลวดลายของพื้นลามิเนตนั้นก็มีลักษณะไม่ต่างจากพื้นไม้จริง เนื่องจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และมีคุณสมบัติทนน้ำ ทนความร้อน กับทนรอยขีดข่วน ซึ่งเป็นข้อดีของไม้พื้นลามิเนต

· พื้นไม้ซุง พื้นไม้ซุงเหมาะสำหรับการตกแต่งบ้านสไตล์คันทรี่ ด้วยความที่เผยเนื้อไม้จากธรรมชาติให้บ้านอย่างชัดเจน บรรยากาศจึงอบอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมักจะปูพื้นแบบเดียวกันกับผนัง ยิ่งเห็นลายไม้ ก็จะยิ่งสวย [4]

http://woodline.co.th/Web_wooddecorate/product/flooring/scale.jpg

ประเภทของไม้ปาเก้

ปาเก้ เป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากให้ความรู้สึกอบอุ่นและสวยงามจากธรรมชาติ ไม้ปาเก้มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จัก ประเภทของไม้ปาเก้ เพื่อช่วยคุณเลือกปาเก้ที่เหมาะกับบ้านของคุณ

ประเภทของไม้ปาเก้

1. ปาเก้ไม้เนื้อแข็ง (Solid Wood Parquet)

  • ลักษณะ:

    • ผลิตจากไม้จริง 100% เช่น ไม้สัก ไม้แดง หรือไม้มะค่า

    • มีความหนาหลายขนาด เช่น 10 มม., 15 มม., 20 มม.

  • ข้อดี:

    • ทนทานและแข็งแรง

    • สามารถขัดและทำสีใหม่ได้หลายครั้ง

    • มีลวดลายไม้ธรรมชาติที่สวยงาม

  • เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการความหรูหราและอายุการใช้งานยาวนาน

2. ปาเก้สำเร็จรูป (Engineered Parquet)

  • ลักษณะ:

    • ทำจากชั้นไม้จริงบาง ๆ ด้านบน และวัสดุรองรับด้านล่าง เช่น ไม้อัดหรือ HDF

    • มีความหนาเฉลี่ยประมาณ 10-15 มม.

  • ข้อดี:

    • ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว

    • ทนต่อการบิดงอและความชื้นได้ดี

    • ราคาย่อมเยากว่าไม้เนื้อแข็ง

  • เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการความคุ้มค่าและการติดตั้งที่สะดวก

3. ปาเก้ไม้ลามิเนต (Laminate Parquet)

  • ลักษณะ:

    • ชั้นบนสุดเป็นลายไม้สังเคราะห์เคลือบกันรอยขีดข่วน

    • โครงสร้างด้านล่างทำจากวัสดุสังเคราะห์

  • ข้อดี:

    • ราคาประหยัด

    • มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย

    • ไม่ต้องการการดูแลรักษามาก

  • ข้อเสีย:

    • ไม่สามารถขัดหรือทำสีใหม่ได้

  • เหมาะสำหรับ: พื้นที่ใช้งานเบาหรือบ้านที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย

4. ปาเก้ไม้ปิดผิว (Veneer Parquet)

  • ลักษณะ:

    • ชั้นบนสุดเป็นไม้จริงบาง ๆ ติดบนวัสดุฐาน เช่น MDF หรือไม้อัด

    • มีลวดลายที่เหมือนไม้จริง

  • ข้อดี:

    • ราคาย่อมเยา

    • น้ำหนักเบา

    • ติดตั้งง่าย

  • ข้อเสีย:

    • ไม่ทนทานเท่าไม้เนื้อแข็ง

    • ไม่สามารถซ่อมแซมได้หากเกิดความเสียหาย

  • เหมาะสำหรับ: บ้านที่เน้นความสวยงามชั่วคราวและงบประมาณจำกัด

การเลือกประเภทของไม้ปาเก้

  • หากต้องการความแข็งแรงและอายุการใช้งานยาวนาน ควรเลือก ปาเก้ไม้เนื้อแข็ง

  • หากต้องการติดตั้งง่ายและคุ้มค่าในระยะสั้น ปาเก้สำเร็จรูป หรือ ปาเก้ไม้ลามิเนต เป็นตัวเลือกที่ดี

  • คำนึงถึงสไตล์การตกแต่งบ้าน และงบประมาณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ข้อดีของปาเก้ไม้ทุกประเภท

  • เพิ่มความสวยงามและความอบอุ่นให้กับบ้าน

  • ปรับแต่งได้หลากหลายลวดลาย

  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (สำหรับไม้จริง)

 

ไม้ปาเก้มีหลายประเภท เช่น ปาเก้ไม้เนื้อแข็ง ปาเก้สำเร็จรูป ปาเก้ลามิเนต และปาเก้ไม้ปิดผิว โดยแต่ละแบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกประเภทของไม้ปาเก้ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสวยงาม ความคุ้มค่า และอายุการใช้งานของพื้นบ้านได้อย่างยาวนาน

ไม้ปาร์เก้
https://image.makewebeasy.net/makeweb/

ไม้ชนิดไหนที่นิยมใช้ทำไม้ปาเก้

ไม้ปาเก้ เป็นวัสดุปูพื้นที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและความแข็งแรงทนทาน ไม้ที่นำมาใช้ทำปาเก้มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีลวดลาย คุณสมบัติ และจุดเด่นที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับไม้ที่นิยมใช้ทำไม้ปาเก้ เพื่อช่วยคุณเลือกไม้ที่เหมาะกับการตกแต่งบ้านของคุณ[1]

ไม้ชนิดที่นิยมใช้ทำไม้ปาเก้

1. ไม้สัก (Teak Wood)

  • จุดเด่น:

    • ลวดลายสวยงาม สีเหลืองทองอันเป็นเอกลักษณ์

    • ทนต่อปลวกและเชื้อรา

    • มีความทนทานสูงและอายุการใช้งานยาวนาน

  • เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการความหรูหราและคลาสสิก

2. ไม้แดง (Padauk Wood)

  • จุดเด่น:

    • มีสีแดงเข้มและลวดลายเด่นชัด

    • แข็งแรง ทนต่อการขีดข่วนและแรงกระแทก

    • ทนต่อความชื้นและสภาพอากาศร้อนชื้น

  • เหมาะสำหรับ: บ้านในพื้นที่ที่มีอากาศชื้นหรือโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรง

3. ไม้มะค่า (Makha Wood)

  • จุดเด่น:

    • สีออกน้ำตาลเข้มถึงน้ำตาลทอง ลวดลายคมชัด

    • เนื้อไม้แข็งและทนทานต่อการใช้งานหนัก

    • มีความเป็นธรรมชาติและเสริมความอบอุ่นให้บ้าน

  • เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการพื้นไม้ที่เน้นความทนทานและความสวยงาม

4. ไม้เต็ง (Shorea Wood)

  • จุดเด่น:

    • สีออกน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลแดง

    • เนื้อไม้แข็งแรง ทนทานต่อแรงกดและการใช้งาน

    • ราคาย่อมเยากว่าไม้ชนิดอื่น

  • เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการปูพื้นปาเก้ในงบประมาณที่จำกัด

5. ไม้ยางพารา (Rubber Wood)

  • จุดเด่น:

    • สีออกเหลืองอ่อน เนื้อไม้ละเอียด

    • น้ำหนักเบาและมีราคาไม่สูง

    • ผ่านกระบวนการอบและอัดแรงดันเพื่อความทนทาน

  • เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการปาเก้แบบประหยัดงบและเน้นความเรียบง่าย

วิธีเลือกไม้ปาเก้ที่เหมาะสม

  1. พิจารณางบประมาณ: หากต้องการความคุ้มค่า ไม้เต็งหรือไม้ยางพาราเป็นตัวเลือกที่ดี

  2. เลือกตามสไตล์บ้าน: บ้านหรูหราสามารถใช้ไม้สักหรือไม้มะค่าเพื่อเพิ่มความสวยงาม

  3. ดูพื้นที่ใช้งาน: สำหรับพื้นที่ที่ต้องการความแข็งแรงมาก เช่น ห้องนั่งเล่น ควรเลือกไม้แดงหรือไม้มะค่า

ข้อดีของไม้ปาเก้ที่ทำจากไม้แท้

  • ให้ลวดลายที่สวยงามแบบธรรมชาติ

  • แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว

  • สามารถขัดและทำสีใหม่ได้ เพื่อรักษาความสวยงาม

ไม้ที่นิยมใช้ทำ ไม้ปาเก้ ได้แก่ ไม้สัก ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้เต็ง และไม้ยางพารา ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเลือกไม้ปาเก้ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการด้านการใช้งาน และสไตล์การตกแต่งบ้าน[1]

การเปรียบเทียบระหว่างไม้ปาเก้แท้และไม้ปาเก้เทียม

ปาเก้

ปาเก้ เป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน ด้วยความสวยงามที่เป็นธรรมชาติและความสามารถในการปรับแต่งลวดลายได้หลากหลาย แต่ในปัจจุบัน วัสดุปูพื้นประเภท ไม้ปาเก้แท้ และ ไม้ปาเก้เทียม ต่างก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทั้งสองประเภท เพื่อช่วยให้คุณเลือกวัสดุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบ้านของคุณ[2]

1. ไม้ปาเก้แท้ (Solid Wood Parquet)

ลักษณะเด่น

  • ทำจากไม้จริง 100% เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า หรือไม้แดง

  • มีลวดลายและสีสันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

  • มีความหนาหลากหลาย เช่น 10 มม., 15 มม., หรือ 20 มม.

ข้อดี

  • ความสวยงามเป็นธรรมชาติ: ลวดลายและสีของไม้แท้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหรา

  • ความทนทาน: มีอายุการใช้งานยาวนานหลายสิบปี

  • ซ่อมแซมได้ง่าย: สามารถขัดพื้นและทำสีใหม่ได้หลายครั้ง

  • เพิ่มมูลค่าให้บ้าน: บ้านที่ใช้ไม้ปาเก้แท้มักมีราคาสูงขึ้น

ข้อเสีย

  • ต้องการการดูแล: เช่น การทาน้ำยากันปลวกและป้องกันความชื้น

  • ราคาแพง: ต้นทุนสูงกว่าไม้ปาเก้เทียม

  • ติดตั้งยุ่งยาก: ต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญ

2. ไม้ปาเก้เทียม (Engineered Parquet และ Laminate Parquet)

ลักษณะเด่น

  • ผลิตจากวัสดุผสม เช่น HDF, MDF หรือไม้อัด โดยมีชั้นลายไม้บาง ๆ หรือลายไม้สังเคราะห์ด้านบน

  • มีความหนาประมาณ 8-12 มม.

ข้อดี

  • ราคาย่อมเยา: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย

  • ติดตั้งง่าย: สามารถติดตั้งได้ด้วยระบบคลิกล็อกหรือกาว

  • ทนต่อความชื้น: รุ่นที่มีการเคลือบป้องกันความชื้นสามารถใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงได้

  • ลวดลายหลากหลาย: มีสีและลวดลายที่เลียนแบบไม้แท้ให้เลือกมากมาย

ข้อเสีย

  • อายุการใช้งานสั้นกว่า: ไม่ทนทานเท่าไม้ปาเก้แท้

  • ซ่อมแซมยาก: หากเกิดความเสียหายมักต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่แทน

  • ความสวยงามน้อยกว่า: แม้จะเลียนแบบไม้ได้ดี แต่ยังไม่สามารถเทียบกับไม้แท้ได้

เลือกแบบไหนดีกว่ากัน?

  • ไม้ปาเก้แท้: เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความสวยงามแบบธรรมชาติ ต้องการความหรูหรา และมีงบประมาณเพียงพอ

  • ไม้ปาเก้เทียม: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ติดตั้งง่าย และเน้นความคุ้มค่าในระยะสั้น

การเลือก ปาเก้ ไม่ว่าจะเป็นไม้ปาเก้แท้หรือไม้ปาเก้เทียม ขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณ และลักษณะการใช้งานของคุณ ไม้ปาเก้แท้ให้ความหรูหราและความทนทาน ในขณะที่ไม้ปาเก้เทียมเน้นการติดตั้งที่ง่ายและราคาประหยัด การเปรียบเทียบคุณสมบัติอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ[2]

ไม้ปาร์เก้
https://www.siamwoodup.com/images/content/original-1613380422246.jpg

ขนาดของไม้ปาเก้

ปาเก้ เป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมในบ้านที่ต้องการความสวยงามและความอบอุ่นจากธรรมชาติ ไม้ปาเก้มีหลากหลายขนาดให้เลือก ซึ่งแต่ละขนาดเหมาะกับการใช้งานและพื้นที่แตกต่างกัน การเลือกขนาดของไม้ปาเก้ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับบ้านของคุณ[2]

ขนาดของไม้ปาเก้ที่นิยมใช้

1. ขนาดเล็ก (Small Parquet)

  • ขนาดทั่วไป:

    • ความกว้าง: 1-2 นิ้ว

    • ความยาว: 6-12 นิ้ว

    • ความหนา: 8-10 มม.

  • จุดเด่น:

    • ลวดลายที่ละเอียดและสามารถสร้างลวดลายซับซ้อนได้ เช่น ลายก้างปลา (Herringbone) หรือ ลายตาราง

    • เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน หรือห้องทำงาน

2. ขนาดกลาง (Medium Parquet)

  • ขนาดทั่วไป:

    • ความกว้าง: 2-3 นิ้ว

    • ความยาว: 12-18 นิ้ว

    • ความหนา: 10-15 มม.

  • จุดเด่น:

    • มีความสมดุลระหว่างความละเอียดและความโดดเด่น

    • ติดตั้งง่ายและเหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านทั่วไป เช่น ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก

3. ขนาดใหญ่ (Large Parquet)

  • ขนาดทั่วไป:

    • ความกว้าง: 4-6 นิ้ว

    • ความยาว: 24-36 นิ้ว

    • ความหนา: 15-20 มม.

  • จุดเด่น:

    • ให้ความรู้สึกหรูหราและโอ่อ่า

    • เหมาะสำหรับพื้นที่กว้าง เช่น ห้องโถงใหญ่หรือพื้นที่เปิดโล่ง

วิธีเลือกขนาดไม้ปาเก้ให้เหมาะสม

  1. ขนาดพื้นที่

    • สำหรับพื้นที่เล็ก ควรใช้ปาเก้ขนาดเล็กเพื่อสร้างความสมดุล

    • สำหรับพื้นที่ใหญ่ ควรใช้ปาเก้ขนาดกลางหรือใหญ่เพื่อเพิ่มความสวยงามและความต่อเนื่องของลวดลาย

  2. ลวดลายที่ต้องการ

    • ปาเก้ขนาดเล็กเหมาะสำหรับการสร้างลวดลายซับซ้อน

    • ปาเก้ขนาดใหญ่เหมาะสำหรับลวดลายที่เรียบง่ายหรือการปูแบบตรง

  3. สไตล์การตกแต่งบ้าน

    • บ้านสไตล์โมเดิร์นเหมาะกับปาเก้ขนาดใหญ่ที่มีลวดลายเรียบหรู

    • บ้านสไตล์คลาสสิกเหมาะกับปาเก้ขนาดเล็กที่มีลวดลายซับซ้อน

ข้อดีของการเลือกขนาดไม้ปาเก้ที่เหมาะสม

  • ช่วยเพิ่มความสวยงามให้พื้นที่

  • ทำให้บ้านดูสมดุลและมีเอกลักษณ์

  • ลดการเสียวัสดุและลดต้นทุนในการติดตั้ง

ขนาดของไม้ปาเก้ มีตั้งแต่ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งแต่ละขนาดเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกขนาดของไม้ปาเก้ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ ลวดลายที่ต้องการ และสไตล์การตกแต่งบ้าน หากเลือกขนาดไม้ปาเก้ที่เหมาะสม บ้านของคุณจะดูสวยงามและน่าอยู่ยิ่งขึ้น[2]

https://www.livingjoin.com/picture/service/big/161119102213663117.jpg

วิธีดูแลรักษาพื้นไม้ปาเก้

· หมั่นทำความสะอาดพื้นไม้ปาเก้อย่างสม่ำเสมอ อย่าให้มีสิ่งสกปรกสะสมไม่ว่าจะเป็นขนของสัตว์เลี้ยงหรือฝุ่นละอองที่ติดตัวมาจากภายนอก รวมถึงสิ่งสกปรกอื่น ๆ ด้วย

· หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นกรดหรือมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนทำความสะอาดพื้น ไม้ปาเก้ เช่น สารฟอกขาวและแอมโมเนีย ควรเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับพื้นไม้ปาร์เก้โดยเฉพาะ

· หากไม่มีน้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้ปาเก้โดยเฉพาะ สามารถใช้ฟองน้ำชุบน้ำสะอาดแล้วบิดให้เกือบจะแห้ง เช็ดทำความสะอาดพื้น จากนั้นปล่อยให้แห้งด้วยอากาศอย่างทั่วถึง [2]

จะเห็นได้ว่าพื้นไม้แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน  ไม่ใช่ว่าชนิดที่แพงที่สุดจะดีไปหมดทุกอย่าง  ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานสำหรับใครที่กำลังมองหาพื้นไม้เก่า หรือไม้ปาเก้ ก็สามาถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Twomenwood ที่นี่เรามีพื้นไม้ปาเก้ให้เลือกหลายชนิดและหลายเกรด สำหรับท่านใดต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี

ตรวจสอบราคาสินค้า

อ้างอิง