Your Cart

ไม้เก่า คัดอย่างดี มีทุกชนิด คุณภาพสูง บริการจัดส่ง

Previous slide
Next slide

ผลิตภัณฑ์จากไม้เก่า

ไม้เก่าคืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยม เสน่ห์แห่งวัสดุธรรมชาติที่ไม่เคยล้าสมัย

ไม้เก่า ถือเป็นวัสดุที่มีเอกลักษณ์และคุณค่าเฉพาะตัว ด้วยร่องรอยการใช้งานที่สะท้อนประวัติศาสตร์และเสน่ห์จากธรรมชาติ ไม้เก่าจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในงานตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักไม้เก่าและเหตุผลที่ทำให้มันยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง[1]

ไม้เก่าคืออะไร?

ไม้เก่า คือไม้ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วและถูกนำกลับมาใช้ใหม่ มักได้มาจากบ้านเก่า อาคารยุ้งฉาง หรือโครงสร้างอื่น ๆ ที่ถูกรื้อถอน ไม้เหล่านี้จะมีลักษณะเฉพาะ เช่น ลวดลายที่โดดเด่น ร่องรอยจากการใช้งาน และสีสันที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา[1]

คุณสมบัติเด่นของไม้เก่า:

  1. ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์: การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติทำให้ไม้เก่ามีลวดลายที่หาไม่ได้จากไม้ใหม่

  2. ความแข็งแรง: ผ่านกระบวนการบ่มตามธรรมชาติ ทำให้เนื้อไม้แน่นและแข็งแรง

  3. เรื่องราวและประวัติศาสตร์: ไม้เก่ามักมีเรื่องราวเฉพาะตัว สร้างความทรงจำที่มีคุณค่า

ทำไมไม้เก่าถึงได้รับความนิยม?

1. ความสวยงามที่เป็นธรรมชาติ

ไม้เก่ามีความสวยงามที่มาจากธรรมชาติและกาลเวลา ร่องรอยของตะปู รอยขีดข่วน หรือสีที่จางลง กลายเป็นจุดเด่นที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับงานตกแต่ง

2. ความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ไม้เก่าผ่านการใช้งานและกระบวนการบ่มตามธรรมชาติมาแล้ว ทำให้มีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว

3. สร้างบรรยากาศอบอุ่นและคลาสสิก

ไม้เก่ามักถูกนำมาใช้ในงานตกแต่งสไตล์วินเทจหรือลอฟท์ ซึ่งช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสร้างบรรยากาศที่โดดเด่นให้กับพื้นที่

4. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การนำไม้เก่ามาใช้ใหม่ช่วยลดการตัดต้นไม้ใหม่และลดขยะจากวัสดุที่ถูกทิ้ง ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

5. เพิ่มคุณค่าให้กับบ้านและเฟอร์นิเจอร์

เฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งที่ใช้ไม้เก่ามักมีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้จากวัสดุอื่น

การใช้งานไม้เก่าในงานตกแต่ง

1. เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า

โต๊ะ ตู้ เตียง และเก้าอี้ที่ทำจากไม้เก่าให้ความรู้สึกหรูหราและมีเอกลักษณ์

2. การตกแต่งผนังและพื้น

ไม้เก่าสามารถนำมาตกแต่งผนังหรือพื้นเพื่อเพิ่มความอบอุ่นและสร้างบรรยากาศที่ดูหรูหรา

3. ประตูและหน้าต่าง

ไม้เก่าเหมาะสำหรับการทำประตูหรือหน้าต่างที่ต้องการความทนทานและลวดลายธรรมชาติ

ข้อควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้ไม้เก่า

  1. ตรวจสอบคุณภาพ: เลือกไม้ที่ไม่มีรอยแตกหรือเสียหายมากเกินไป

  2. ป้องกันปลวกและแมลง: ใช้สารป้องกันแมลงหรือเคลือบน้ำยารักษาไม้

  3. เลือกแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้: เพื่อให้มั่นใจว่าได้ไม้เก่าคุณภาพดี

ไม้เก่าเป็นวัสดุที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยคุณค่าและเรื่องราวในตัวเอง ด้วยความแข็งแรง ลวดลายธรรมชาติ และเสน่ห์เฉพาะตัว ไม้เก่าจึงยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในงานตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ การเลือกใช้ไม้เก่าไม่เพียงช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่ แต่ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย[1]

จากข้อมูลของกรมป่าไม้ได้ระบุไว้ว่า ไม้เป็นวัสดุที่มีการจำแนกประเภทไว้อย่างชัดเจน โดยหลัก ๆ ไม้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ไม้เนื้ออ่อน (ความทนทานน้อยกว่า 2 ปี), ไม้เนื้อแข็งปานกลาง (ความทนทานอยู่ในระหว่าง 2–6 ปี) และไม้เนื้อแข็ง (ความทนทานต้องมากกว่า 6 ปี) ซึ่งเมื่อเทียบกับวัสดุประเภทอื่น ๆ แล้ว ไม้ถือเป็นวัสดุท้องถิ่นที่ได้จากธรรมชาติ โดยลวดลายและสีสันของไม้จะเกิดจากธรรมชาติที่ได้รังสรรค์ออกมา แต่ด้วยความที่จำนวนไม้จริงในปัจจุบันมีน้อยลง ทำให้ผู้คนหันมาผลิตไม้เทียมเพื่อใช้แทนไม้จริงเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามคุณสมบัติของไม้ทั้ง 2 ประเภทจะไม่เหมือนกัน [2]

ไม้เก่า

ทำความรู้จักกับไม้เก่า

ไม้เก่า เป็นไม้ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ส่วนใหญ่ได้มาจากการรื้อถอนอาคารบ้านเรือนที่ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบ หรืออาจเป็นไม้เหลือทิ้งจากการใช้งานในด้านอื่นก็ได้เช่นกัน โดยเฉพาะไม้เสาไฟฟ้า ไม้พาเลท และไม้ลัง ซึ่งผ่านการใช้งานมาแล้วในอดีต ไม้เหล่านี้มักมีตำหนิจากการใช้งานเมื่อเวลาผ่านไปนานหลายปีก็จะทำให้เนื้อไม้มีความทนทานมากขึ้น ความชื้นในตัวไม้ก็ลดน้อยลง ไม่บิด โก่งงอ และโช์ลวดลายสวยงามอย่างชัดเจน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับไม้แต่ละชนิดด้วย ถึงแม้ว่าสภาพภายนอกจะดูเก่าและไม่สวยเท่าไม้ใหม่ แต่ไม้เก่าก็ถือเป็นไม้ที่มีคุณภาพดีที่สุด ซึ่งโรงไม้ของเราก็มีสินค้าไม้เก่าคุณภาพดีให้คุณสามารถเลือกซื้อเพื่อนำไปใช้งานในด้านต่าง ๆ ได้ด้วย  [3]

ประเภทของไม้เก่าและการนำไปใช้งาน แนวทางเลือกใช้ไม้เก่าให้เหมาะกับความต้องการ

ไม้เก่า เป็นวัสดุที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และคุณค่าเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรง ความสวยงามจากลวดลายธรรมชาติ หรือร่องรอยการใช้งานที่สะท้อนเรื่องราวในอดีต บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประเภทของไม้เก่าและการนำไปใช้งาน เพื่อช่วยให้คุณเลือกไม้เก่าได้อย่างเหมาะสม

ประเภทของไม้เก่า

1. ไม้สักเก่า

ไม้สักเก่าเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีลวดลายงดงามและมีน้ำมันธรรมชาติช่วยป้องกันปลวกและเชื้อรา

การนำไปใช้งาน:

  • เฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง

  • งานตกแต่งภายใน เช่น ผนัง พื้น หรือบานประตู

2. ไม้เต็งเก่า

ไม้เต็งเป็นไม้เนื้อแข็งที่ทนทานต่อแรงกระแทกและความชื้น มีสีแดงน้ำตาลที่โดดเด่น

การนำไปใช้งาน:

  • งานโครงสร้าง เช่น เสา คาน

  • งานภายนอก เช่น รั้ว หรือพื้นระเบียง

3. ไม้แดงเก่า

ไม้แดงมีเนื้อไม้ที่แข็งแรงและทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความแข็งแกร่ง

การนำไปใช้งาน:

  • พื้นไม้

  • งานเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นความทนทาน

4. ไม้ประดู่เก่า

ไม้ประดู่เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีลวดลายสวยงาม สีแดงน้ำตาลเข้ม และมีความทนทานสูง

การนำไปใช้งาน:

  • เฟอร์นิเจอร์ เช่น เก้าอี้ โต๊ะ

  • งานตกแต่งภายในที่ต้องการความหรูหรา

5. ไม้สนเก่า

ไม้สนเป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีสีอ่อนและลวดลายธรรมชาติ เหมาะสำหรับงานตกแต่งเบา ๆ

การนำไปใช้งาน:

  • งานตกแต่งผนังหรือฝ้าเพดาน

  • งาน DIY เช่น ชั้นวางของ หรือของตกแต่ง

การนำไม้เก่าไปใช้งาน

1. เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า

ไม้เก่ามักถูกนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีเอกลักษณ์

2. การตกแต่งผนังและพื้น

ผนังไม้เก่าหรือพื้นไม้เก่าสามารถเพิ่มความคลาสสิกและบรรยากาศที่อบอุ่นให้กับบ้าน

3. งานโครงสร้าง

ไม้เก่าเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับงานโครงสร้าง เช่น คาน เสา และหลังคา เนื่องจากมีความแข็งแรงและทนทาน

4. ของตกแต่งบ้าน

ไม้เก่าสามารถนำมาสร้างของตกแต่ง เช่น กรอบรูป โคมไฟ หรือชั้นวางของ

5. งานภายนอกอาคาร

ไม้เก่าเหมาะสำหรับการทำระเบียง ซุ้มไม้ หรือรั้วที่ต้องการความแข็งแรงและลวดลายที่โดดเด่น

ไม้เก่า เป็นวัสดุที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความคุ้มค่า ด้วยประเภทที่หลากหลายและการใช้งานที่ยืดหยุ่น คุณสามารถนำไม้เก่าไปตกแต่งบ้านหรือสร้างเฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเลือกไม้เก่าที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสวยงามและความอบอุ่นให้กับทุกพื้นที่

ไม้เก่า

เปรียบเทียบไม้เก่ากับไม้ใหม่ ข้อดีข้อเสียที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้

การเลือกใช้ไม้ในงานก่อสร้างหรือตกแต่งบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย โดยเฉพาะการพิจารณาระหว่าง ไม้เก่า และ ไม้ใหม่ ที่มีคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้ไม้ได้เหมาะสมกับความต้องการ[4]

ไม้เก่าคืออะไร?

ไม้เก่าคือไม้ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มักได้จากการรื้อถอนบ้านเก่า อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ไม้เหล่านี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เช่น ลวดลายธรรมชาติและร่องรอยจากกาลเวลา

ไม้ใหม่คืออะไร?

ไม้ใหม่เป็นไม้ที่ถูกตัดจากต้นไม้ที่เพิ่งถูกแปรรูปเพื่อนำมาใช้งาน โดยยังไม่มีการใช้งานหรือผ่านกระบวนการใด ๆ มาก่อน

ข้อดีของไม้เก่า

  1. ความแข็งแรงและทนทาน
    ไม้เก่าผ่านการบ่มตามธรรมชาติ ทำให้เนื้อไม้แน่น แข็งแรง และเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความคงทน

  2. เอกลักษณ์เฉพาะตัว
    ลวดลายธรรมชาติ ร่องรอยจากการใช้งาน เช่น รอยตะปูหรือรอยแตกเล็ก ๆ ช่วยเพิ่มเสน่ห์และความคลาสสิก

  3. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    การนำไม้เก่ากลับมาใช้ใหม่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ และลดปริมาณขยะ

  4. เหมาะสำหรับงานตกแต่ง
    ไม้เก่าเหมาะสำหรับงานตกแต่งที่ต้องการความวินเทจ คลาสสิก หรือเรียบหรู

ข้อเสียของไม้เก่า

  1. อาจมีความเสียหาย
    ไม้เก่าบางส่วนอาจมีรอยผุหรือแตกร้าว ต้องผ่านการซ่อมแซมก่อนนำมาใช้งาน

  2. ความยากในการหาแหล่งจำหน่าย
    การหาไม้เก่าคุณภาพดีจากแหล่งที่น่าเชื่อถืออาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย

  3. ต้องผ่านการบำบัด
    เพื่อป้องกันปัญหาแมลงหรือเชื้อราที่อาจหลงเหลือในเนื้อไม้

ข้อดีของไม้ใหม่

  1. สภาพสมบูรณ์
    ไม้ใหม่มีความสดใหม่ ไม่มีรอยผุหรือร่องรอยการใช้งาน

  2. ง่ายต่อการหาและสั่งซื้อ
    ไม้ใหม่มีจำหน่ายทั่วไปในตลาด ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน

  3. เหมาะกับงานโครงสร้างที่ต้องการมาตรฐาน
    ไม้ใหม่สามารถเลือกขนาดและคุณสมบัติได้ตรงตามความต้องการ

ข้อเสียของไม้ใหม่

  1. ยังไม่ผ่านการบ่มธรรมชาติ
    ไม้ใหม่อาจมีการหดตัวหรือบิดงอเมื่อใช้ในระยะยาว

  2. ขาดเอกลักษณ์และเสน่ห์
    ลวดลายของไม้ใหม่มักยังไม่มีความโดดเด่นเหมือนไม้เก่า

  3. อาจส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม
    การใช้ไม้ใหม่เพิ่มการตัดต้นไม้ ซึ่งอาจส่งผลต่อทรัพยากรธรรมชาติ

การเลือกใช้ไม้ให้เหมาะสม

  1. เลือกไม้เก่า
    เหมาะสำหรับงานตกแต่งบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการความคลาสสิกและเอกลักษณ์

  2. เลือกไม้ใหม่
    เหมาะสำหรับงานโครงสร้างที่ต้องการความสมบูรณ์แบบและมาตรฐาน

ไม้เก่าและไม้ใหม่ต่างมีข้อดีข้อเสียที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน หากคุณต้องการวัสดุที่มีเอกลักษณ์และทนทาน ไม้เก่า อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการความง่ายและรวดเร็วในกระบวนการก่อสร้าง ไม้ใหม่ ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์[4]

ข้อดีของไม้เก่า

ไม้เก่าจัดเป็นไม้คุณภาพดีที่สุด เนื่องจากเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงและทนทาน ไม่ว่าจะเผชิญกับสภาพอากาศ หรือศัตรูไม้ ก็จะได้รับผลกรทบน้อยกว่าไม้ใหม่

• เนื่องจากเนื้อไม้เก่ามีความแข็งแรงททานเป็นพิเศษ จึงทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่าไม่ใหม่

• หากนำไม้เก่ามาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ โอกาสที่ไม้จะบิดงอนั้นมีค่อนข้างน้อย เพราะไม้เก่าส่วนใหญ่จะไม่มีความชื้นหลงเหลืออยู่

• ไม้เก่าบางชนิด อย่างเช่น ไม้สัก ถือเป็นไม้ชนิดหนึ่งที่ปลวกและมอดไม่ค่อยกัดแทะ เนื่องจากภายในเนื้อไม้สักเก่าจะมียางที่ปลวกและมอดไม่ค่อยชอบ

ข้อเสียของไม้เก่า

ไม้เก่าจะมีรอยตำหนิ โดยเฉพาะรอยตะปูที่อยู่ตามเนื้อไม้ เนื่องจากเป็นไม้ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ทำให้สภาพภายนอกดูไม่สมบูรณ์เท่ากับไม้ใหม่

• เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม้เก่าก็จะยิ่งขึ้นเสี้ยน และสีของไม้ก็จะชีดลงด้วย จากเดิมที่เป็นสีน้ำตาลเข้มก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน 

• ด้วยความที่เป็นไม้เก่าและมีรอยตำหนิตามเนื้อไม้ การจะนำไปใช้งานจึงจำเป็นจะต้องคัดไม้ที่ยังมีสภาพดีอยู่ เพื่อให้สามารถนำไปแปรรูปในด้านต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งไม้เก่าที่มีสภาพดีอาจมีอยู่ค่อนข้างน้อย

 

• เมื่อไม้เก่าสภาพดีที่สามารถนำไปใช้งานต่อมีอยู่ค่อนข้างน้อย จึงทำให้ราคาของไม้ประเภทนี้สูงกว่าไม้ประเภทอื่น ซึ่งทำให้หลายคนหันไปใช้ไม้ใหม่หรือไม้เทียมแทน เพราะเป็นไม้ที่มีราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่ายกว่าไม้เก่า [3]

การใช้ประโยชน์จากไม้เก่า

ไม้เก่าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ไม้ที่ยังไม่แปรรูป และไม้ที่ผ่านการแปรรูปแล้วสำหรับไม้เก่าที่ยังไม่แปรรูปจะนิยมนำไปใช้เป็นโครงสร้างของอาคารบ้านเรือน ส่วนไม้เก่าแปรรูปนั้นจะสามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะใช้เป็นส่วนประกอบของอาคารบ้านเรือน ประตู หน้าต่าง ฝาผนัง ฝ้าเพดาน พื้นไม้ปาร์เก้ วัสดุตกแต่งบ้าน รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ประเภทต่าง ๆ [3]

วิธีเลือกใช้ไม้เก่าให้เหมาะสมกับงาน

ไม้เก่าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ไม้เก่าที่ยังไม่ผ่านการแปรรูป และไม้เก่าที่ผ่านการแปรรูปแล้ว ซึ่งการจะนำไม้เก่าทั้งสองประเภทมาใช้งานนั้นจะต้องเลือกให้เหมาะกับงานแต่ละรูปแบบ และวิธีเลือกใช้ไม้เก่าให้เหมาะสมกับงานต่าง ๆ มีอยู่ ดังนี้

• งานก่อสร้างและตกแต่งภายนอก สามารถเลือกใช้ได้ทั้งไม้เก่าที่ยังไม่แปรรูปและไม้เก่าที่แปรรูปแล้ว แต่ควรเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงและทนทาน ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมก่อนนำไปใช้งานด้วย หากเป็นไม้เก่าขนาดใหญ่ที่ยังไม่แปรรูปก็สามารถใช้ทำเสาหรือคาน ส่วนไม้เก่าขนาดเล็กสามารถใช้ทำระแนงหรือราวกันตกก็ได้ ในกรณีที่เป็นไม้เก่าแปรรูปสามารถใช้เป็นส่วนโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนัก รวมถึงส่วนอื่น ๆ ของอาคารได้ด้วย
• งานก่อสร้างและตกแต่งภายใน ควรเลือกใช้ไม้เก่าแปรรูปที่มีสภาพสมบูรณ์ ซึ่งสามารถเลือกใช้ไม้เนื้ออ่อนหรือไม้เนื้อแข็งก็ได้ ทั้งนี้ต้องพิจารณาจากความเหมาะสมของพื้นที่ที่จะใช้ด้วย หากเป็นงานก่อสร้างและงานตกแต่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างโดยตรงก็สามารถเลือกใช้ไม้เก่าที่มีหน้าตัดเล็กหรือบางก็ได้
• งานปูพื้น สามารถเลือกใช้ไม้ปาร์เก้ที่ได้จากการรื้อบ้านเก่า หรือไม้พาเลทที่ยังมีคุณภาพดีมาใช้ในการปูพื้นก็ได้ ทั้งนี้ไม้เก่าที่จะนำมาปูพื้นควรเป็นไม้เนื้อแข็งที่สามารถรองรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายได้ง่ายในอนาคต
• งานเฟอร์นิเจอร์ จำเป็นต้องเลือกใช้ไม้เก่าที่ผ่านการแปรรูปแล้ว เพราะนอกจากฟังก์ชั่นการใช้งาน เฟอร์นิเจอร์ควรจะมีดีไซน์ที่สวยงามและใช้ตกแต่งบ้านได้ด้วย หากเป็นไม้เก่าที่ยังไม่ผ่านการแปรรูปอาจจะไม่เหมาะนัก เพราะสภาพภายนอกมีตำหนิและดูไม่สมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น [3]

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ไม้เก่านั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องศัตรูไม้นัก เพราะเป็นไม้ที่มีอายุมากและผ่านการใช้งานมาแล้ว ต่างจากไม้ใหม่ที่สภาพภายนอกยังดูสวยงาม แต่เมื่อเทียบกับความทนทานแล้วก็คงต้องยกให้ไม้เก่า สำหรับใครที่ต้องการไม้เก่าคุณภาพดี สามารถเลือกดูสินค้าจาก TWOMENWOOD ซึ่งโรงไม้ของเรามีสินค้าไม้เก่าพร้อมส่งทั่วประเทศด้วย เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่จังหวัดเพชรบุรี

หมายเหตุ ร้านเราจะขายไม้เก่าไทย เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เนื้อแข็ง สามารถตรวจเช็ค ราคาไม้แปรรูปแต่ละชนิด ได้ทางข้างล่าง

ตรวจสอบราคาสินค้า

อ้างอิง