
สินค้า
ประตูไม้ ประตูที่พบได้มากที่สุดในอดีต และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ประตูยุคแรกที่ใช้กันในอู่อารยธรรมเมโสโปเตเมียและโลกยุคโบราณจะเป็นเพียงหนังและสิ่งทอเท่านั้น ซึ่งประตูที่ทำจากวัสดุถาวรอันแข็งแกร่งได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ และประตูห้องที่มีความสำคัญมักทำด้วยหินหรือทองสัมฤทธิ์ (Tikkanen, 2023) [1] อย่างไรก็ตามวิวัฒนาการของประตูได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่าประตูถูกผลิตขึ้นด้วยวัสดุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นประตูไม้จริง ไม้เทียม เหล็ก อลูมิเนียม กระจก PVC และอื่น ๆ อีกมากมาย

ประตู คืออะไร
ประตู คือ สิ่งก่อสร้างหรือสิ่งกีดขวางที่สามารถเคลื่อนที่ได้ โดยปกติประตูจะเป็นแบบทึบ ซึ่งใช้ในการเปิด-ปิดทางเข้า เพื่อใช้ปิดกั้นทางเข้าไปยังพื้นที่ที่ถูกปิดไว้ นอกจากนี้จะพบประตูได้จากเฟอร์นิเจอร์บางประเภท อาทิ ตู้ ตู้เก็บของ และสิ่งอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน โดยส่วนใหญ่ประตูมักจะมีบานพับหรือบานเลื่อน (Dictionary.com, LLC, 2023) [2]
รูปแบบของประตูไม้ที่ได้รับความนิยม
ประตูไม้ ถือเป็นประตูที่พบมากที่สุดในสมัยโบราณ หลักฐานทางโบราณคดีและวรรณกรรมได้ระบุว่าประตูไม้แพร่หลายในอียิปต์และเมโสโปเตเมีย และมักจะพบตามภาพจิตรกรรมฝาผนังของปอมเปอี รวมถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ (Tikkanen, 2023) [1] ในปัจจุบันประตูไม้ก็ยังคงได้รับความนิยม แต่ทว่าคุณภาพของไม้อาจลดลง เนื่องจากไม้จริงที่มีอายุมากนั้นหาได้ยาก สำหรับรูปแบบของประตูไม้ที่ได้รับความนิยมก็คือ ประตูไม้บานเปิด บานเลื่อน บานเฟี้ยมและบานเกล็ด ดังนั้นประตูไม้ที่ได้รับความนิยมควรเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงทนทานกันน้ำกันฝนได้ดี
ชนิดของไม้ที่เหมาะต่อการทำประตู
ส่วนใหญ่ประตูไม้จะนิยมใช้ไม้ที่มีความแข็งแรงและลวดลายสวยงาม เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานและการตกแต่งบ้าน หากเป็นไม้จริงมักใช้ไม้เนื้อแข็งเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นไม้มะค่า ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้ตะเคียน ไม้ตะแบก รวมถึงไม้เนื้ออ่อนอย่างไม้สัก นอกจากนี้ในปัจจุบันยังนิยมใช้ไม้ MDF (Medium Density Fiber Board), ไม้ HDF (High Density Fiber) หรือ ฮาร์ดบอร์ด, ไม้เอ็นจีเนียร์, ไม้สังเคราะห์ และไม้พลาสติก WPC (Wood-Plastic Composite) ซึ่งไม้จริงเนื้อและลวดลายของไม้จะมีความเป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังทนทานแข็งแรงไม่ต่างจากวัสดุอื่นๆ [3]

ข้อแตกต่างระหว่างประตูไม้ และประตู PVC
• ลักษณะภายนอก โดยทั่วไปประตูไม้จะมีสีสันและลวดลายให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะประตูที่ทำจากไม้จริงจะมีลายไม้ที่สวยงามแตกต่างกันออกไป ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการโชว์ลายไม้โดยเฉพาะ ส่วนประตู PVC ที่ถูกผลิตขึ้นมาจากวัสดุประเภทพลาสติกสังเคราะห์จะมีลักษณะหนาและแข็ง มีความยืดหยุ่นสูง แต่จะไม่มีสีสันและลวดลายให้เลือกเท่ากับประตูไม้
• คุณสมบัติของวัสดุ ไม้เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและทนทาน โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็งมักจะถูกนำมาทำเป็นบานประตูหลายรูปแบบ ในขณะที่ PVC เป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าได้ดี โดยกระแสไฟฟ้าจะไม่สามารถไหลผ่านได้ หากมีเหตุไฟไหม้แล้วลามมาถึงประตูก็จะสามารถดับลงเองได้ ซึ่งประตูไม้จะไม่สามารถทำได้เช่นนั้น
• ความทนต่อน้ำ ความเป็นกรด-ด่าง และสารเคมี ประตูที่ทำจากไม้จริงสามารถทนแดดและทนฝนได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเสื่อมสภาพตามกาลเวลา อาจเกิดการบวมและบิดงอได้และเมื่อสัมผัสกับความชื้น ความเป็นกรด-ด่าง และสารเคมีบางชนิดในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ บางคนอาจเลือกใช้ไม้สังเคราะห์แทนไม้จริง ในขณะที่ประตู PVC จะสามารถทนต่อน้ำ ความเป็นกรด-ด่าง และสารเคมีได้เป็นอย่างดี นิยมใช้ภายใน
• ความทนต่อแสงแดดและความร้อน ประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งหรือไม้ชนิดอื่น ๆ จะสามารถทนต่อแสงแดดและความร้อนได้ค่อนข้างนาน เมื่อเวลาผ่านไปอาจพบว่าสีซีดจางหรือหลุดลอกออกตามธรรมชาติ แต่ก็ยังสามารถบำรุงรักษาให้กลับมาสวยงามเช่นเดิมได้ แต่ประตู PVC จะไม่สามารถทนต่อแสงแดดและความร้อนได้นานนัก เพราะจะส่งผลให้เนื้อไม้กรอบและแตกหักได้ง่าย ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้งานภายนอก
• อายุการใช้งาน ประตูที่ทำจากไม้จะมีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็งที่มีอายุมาก หรือไม้เก่า เมื่อนำมาแปรรูปเป็นประตูแล้วจะมีความแข็งแรงและทนต่อสภาพอากาศได้ดี จึงทำให้มีอายุการใช้งานนานมากกว่า 10 ปี ส่วนประตู PVC โดยรวมจะไม่ค่อยทนทานมากนัก เพราะมีความยืดหยุ่นสูง ถึงแม้ว่าจะทนต่อน้ำ ความเป็นกรด-ด่าง และสารเคมีได้ดี แต่จะไม่ทนต่อแสงแดดและความร้อน จึงทำให้มีอายุการใช้งานสั้น ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้งานในระยะยาว [4]
ขนาดมาตรฐานของประตูไม้ที่นิยมใช้
ประตูไม้ เป็นส่วนประกอบสำคัญของบ้านหรืออาคารที่ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสวยงาม แต่ยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยและการใช้งาน การเลือกขนาดประตูไม้ให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ประตูสามารถตอบโจทย์ความต้องการทั้งในด้านฟังก์ชันและดีไซน์ได้ดี บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับขนาดมาตรฐานของประตูไม้ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน[3]
ขนาดมาตรฐานของประตูไม้
1. ขนาดประตูไม้สำหรับภายในบ้าน
ประตูเดี่ยว (Single Door):
ขนาดมาตรฐาน: กว้าง 80–90 ซม. x สูง 200–210 ซม.
การใช้งาน:
นิยมใช้เป็นประตูห้องนอน ห้องน้ำ หรือห้องทำงาน
ให้ความสะดวกในการเดินผ่าน
ประตูคู่ (Double Door):
ขนาดมาตรฐาน: กว้าง 120–150 ซม. x สูง 200–210 ซม.
การใช้งาน:
ใช้สำหรับห้องขนาดใหญ่ เช่น ห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก
2. ขนาดประตูไม้สำหรับภายนอกบ้าน
ประตูทางเข้าบ้าน (Main Entrance):
ขนาดมาตรฐาน:
ประตูเดี่ยว: กว้าง 90–100 ซม. x สูง 200–220 ซม.
ประตูคู่: กว้าง 150–180 ซม. x สูง 200–220 ซม.
การใช้งาน:
ขนาดใหญ่กว่าประตูภายใน เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การขนย้ายเฟอร์นิเจอร์
3. ขนาดประตูไม้สำหรับพื้นที่เฉพาะ
ประตูไม้บานเลื่อน (Sliding Door):
ขนาดมาตรฐาน: กว้าง 100–150 ซม. x สูง 200–210 ซม.
การใช้งาน:
เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ เช่น ห้องครัว ห้องแต่งตัว
ประตูไม้บานเฟี้ยม (Folding Door):
ขนาดมาตรฐาน: กว้าง 150–300 ซม. x สูง 200–210 ซม.
การใช้งาน:
ใช้สำหรับห้องที่ต้องการเปิดพื้นที่กว้าง เช่น พื้นที่เชื่อมระหว่างห้องรับแขกและระเบียง
4. ความหนาของประตูไม้
ขนาดมาตรฐาน:
ประตูทั่วไป: หนา 3.5–4 ซม.
ประตูบานเลื่อนหรือบานเฟี้ยม: หนา 2.5–3 ซม.
เหตุผล: ความหนาที่เหมาะสมช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความคงทน
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกขนาดประตูไม้
ขนาดของพื้นที่ติดตั้ง:
ควรวัดพื้นที่อย่างละเอียดเพื่อเลือกขนาดประตูที่เหมาะสม
การใช้งาน:
ประตูภายในควรเน้นความสะดวกในการเดินผ่าน
ประตูภายนอกควรเน้นความปลอดภัยและความแข็งแรง
ความสวยงามและดีไซน์:
เลือกขนาดที่เหมาะสมกับสไตล์บ้าน เช่น บ้านสไตล์โมเดิร์นหรือบ้านสไตล์คลาสสิก
การเลือกขนาดมาตรฐานของ ประตูไม้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่ยังช่วยให้บ้านหรืออาคารของคุณดูสวยงามและลงตัว ขนาดมาตรฐาน เช่น ประตูเดี่ยว 80–90 ซม. x 200–210 ซม. และประตูคู่ 120–150 ซม. x 200–210 ซม. เป็นตัวเลือกที่นิยมใช้ และเหมาะสำหรับทั้งประตูภายในและภายนอก[3]

ความแตกต่างระหว่างประตูไม้จริงกับประตูไม้สังเคราะห์
ประตู เป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้านที่ช่วยเสริมทั้งความสวยงามและความปลอดภัย เมื่อพูดถึงประตูไม้ หลายคนอาจสงสัยว่าจะเลือกใช้ ประตูไม้จริง หรือ ประตูไม้สังเคราะห์ ดี บทความนี้จะเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของทั้งสองประเภท เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
1. ประตูไม้จริง
ประตูไม้จริง ทำจากไม้ธรรมชาติ เช่น ไม้สัก ไม้แดง หรือไม้มะค่า ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสวยงามแบบธรรมชาติ
ข้อดีของประตูไม้จริง
ความสวยงามและความเป็นธรรมชาติ:
ลายไม้แท้ที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความอบอุ่นและความหรูหราให้กับบ้าน
ความแข็งแรงทนทาน:
มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก
สามารถซ่อมแซมได้ง่าย:
สามารถขัดผิวและทำสีใหม่ได้
ข้อเสียของประตูไม้จริง
ราคาสูง:
ราคาไม้จริงมักสูงกว่าประตูประเภทอื่น เนื่องจากต้นทุนของไม้ธรรมชาติ
ไวต่อความชื้น:
หากไม่ได้รับการเคลือบอย่างเหมาะสม อาจเกิดการบวม โก่ง หรือแตกร้าว
ปัญหาปลวกและแมลง:
ไม้จริงมีโอกาสถูกปลวกหรือแมลงกัดกินได้หากไม่ได้ป้องกัน
2. ประตูไม้สังเคราะห์
ประตูไม้สังเคราะห์ ผลิตจากวัสดุผสม เช่น MDF, HDF, หรือ PVC ที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายไม้จริง
ข้อดีของประตูไม้สังเคราะห์
ราคาเข้าถึงง่าย:
มีราคาถูกกว่าไม้จริง เหมาะสำหรับงบประมาณที่จำกัด
ทนต่อความชื้นและแมลง:
ไม่เกิดปัญหาเกี่ยวกับปลวก และไม่บวมเมื่อเจอความชื้น
น้ำหนักเบา:
เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่ต้องการโครงสร้างที่รับน้ำหนักมาก
ข้อเสียของประตูไม้สังเคราะห์
ความทนทานน้อยกว่าไม้จริง:
อายุการใช้งานสั้นกว่าและอาจไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก
ลักษณะลายไม้ไม่เป็นธรรมชาติ:
แม้จะมีลายไม้เลียนแบบ แต่ยังไม่สามารถเทียบกับความงามของไม้จริงได้
3. การเลือกใช้ประตูให้เหมาะสม
เลือกประตูไม้จริง:
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงาม หรูหรา และมีงบประมาณเพียงพอ
ใช้ได้ดีในพื้นที่แห้ง เช่น ห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน
เลือกประตูไม้สังเคราะห์:
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประตูราคาประหยัด และใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัว
การเลือก ประตู ระหว่างไม้จริงและไม้สังเคราะห์ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ หากคุณต้องการประตูที่มีความสวยงามและความแข็งแรงทนทาน ประตูไม้จริงคือคำตอบ แต่ถ้าคุณมองหาความคุ้มค่าในราคาย่อมเยา และทนต่อความชื้น ประตูไม้สังเคราะห์ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
วิธีเลือกซื้อประตูไม้ให้ตอบโจทย์การใช้งาน
• จุดประสงค์ของการใช้งาน เป็นสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจเลือกประตูไม้ เพราะประตูแต่ละประเภทจะแตกต่างกัน ผู้ใช้งานควรทราบว่าต้องการใช้ประตูไม้ด้วยจุดประสงค์ใด ต้องการเน้นความแข็งแรงหรือความสวยงามเป็นหลัก หรือต้องการทั้งความแข็งแรงและความสวยงามก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
• รูปแบบของประตูไม้ มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประตูไม้บานเปิด บานเลื่อน บานเฟี้ยม และบานเกล็ด ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน สำหรับวิธีเลือกให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดควรเลือกรูปแบบของประตูไม้ที่เหมาะสมกับพื้นที่และลักษณะการตกแต่งของห้องหรือสถานที่นั้น ๆ
• ชนิดของไม้ นอกจากรูปแบบของประตูไม้แล้ว ชนิดของไม้ที่ใช้ทำประตูก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งไม้แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน หากเป็นประตูไม้ที่ใช้งานภายนอกควรเลือกไม้เนื้อแข็ง เพราะสามารถทนแดดและทนฝนได้ดี ส่วนประตูไม้ที่ใช้ภายในอาคารสามารถเลือกไม้เนื้ออ่อน ไม้อัด หรือไม้สังเคราะห์ที่ดูสวยงามและมีน้ำหนักเบาก็ได้เช่นกัน
• แหล่งผลิตประตูไม้ ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าไม้เป็นวัสดุที่หาได้ทั่วไป แต่ทว่าไม้คุณภาพดีนั้นหาได้ค่อนข้างยาก ฉะนั้นการเลือกซื้อประตูไม้จึงควรพิจารณาแหล่งผลิตประตูไม้ให้ดีก่อนตัดสินใจ แนะนำให้ดูประวัติของแหล่งผลิตที่มีความน่าเชื่อถือเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากใครสนใจประตูไม้สวย ๆ คุณภาพดี TWOMENWOOD เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทุกคนสามารถสั่งทำประตูตามความต้องการได้ นอกจากนี้เรายังมีประตูไม้ให้เลือกหลากหลายแบบอีกด้วย[5]
วิธีบำรุงรักษาประตูไม้
• การเตรียมพื้นผิว ทำความสะอาด เป็นขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญอย่างมาก ในกรณีที่ประตูไม้ได้รับความเสียหาย เช่น มีรอยแตก หรือรอยบิ่น จำเป็นต้องทำการอุด โป๊ว ซ่อม และขัดให้เรียบร้อย
• การเคลือบรักษางานไม้ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ การย้อมสีไม้ และการเคลือบผิวไม้ด้วยโพลียูรีเทน สำหรับการย้อมสีไม้จะช่วยให้ลายไม้สวยชัดมากขึ้น หากเป็นไม้เก่าหรือไม้ที่มีสีไม่สม่ำเสมอก็สามารถย้อมเพื่อให้สีไม้ดูกลมกลืนได้เช่นกัน ซึ่งต้องใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมสีไม้ให้ถูกต้องตามประเภทที่ต้องการ ส่วนการเคลือบผิวไม้ด้วยโพลียูรีเทนจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการโชว์เนื้อไม้โดยเฉพาะ สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบใสชนิดเงาหรือชนิดด้านก็ได้ ซึ่งมีทั้งประเภทสีย้อมไม้และโพลียูรีเทน
• การเลื่อยเพื่อนำส่วนที่บวมออก ในกรณีที่พบว่าเนื้อไม้ของบานประตูบวมจนปิดไม่สนิท สามารถเลื่อยเพื่อเอาส่วนดังกล่าวออกไปได้ แต่ต้องเลื่อยออกให้พอดีกับกรอบประตู จากนั้นทาทับด้วยสีน้ำมันหรือสีย้อมไม้เพื่อให้ซึมเข้าสู่ด้านใน โดยวิธีนี้จะไม่เป็นการทำลายลวดลายของไม้ แต่จะช่วยป้องกันไม่ให้แสงแดดที่ส่องเข้ามาทำลายเนื้อไม้จนเกิดความเสียหายได้ [6]
ในปัจจุบันประตูมีหลายประเภทด้วยกัน และมีวัสดุหลายชนิดที่สามารถนำมาทำเป็นบานประตูได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าประตูไม้เป็นประตูที่มีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันประตูที่ทำจากไม้ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะแข็งแรงและคงทนแล้ว ประตูไม้ยังมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยสีสันและลวดลายของไม้แต่ละชนิดจะแตกต่างกัน สำหรับใครที่สนใจประตูไม้ หรือไม้เก่า ไม้แปรรูปต่างๆ TWOMENWOOD ก็มีให้เลือกหลากหลายแบบด้วยกัน นอกจากนี้ยังสามารถสั่งทำประตูไม้ตามความต้องการได้อีกด้วย สำหรับท่านใดต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
หมายเหตุ ร้านเราจะขายไม้เก่าไทย เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เนื้อแข็ง สามารถตรวจเช็คราคาได้ทางข้างล่าง
ตรวจสอบราคาสินค้า
อ้างอิง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประตูไม้
1. ประตูไม้มีกี่ประเภท?
ประตูไม้จริง (Solid Wood Door) – ทำจากไม้แท้ทั้งบาน แข็งแรงและทนทาน
ประตูไม้สังเคราะห์ (Engineered Wood Door) – ใช้ไม้ประกอบ เช่น ไม้อัด MDF หรือ HDF เคลือบผิวด้วยลามิเนตหรือวีเนียร์
ประตูไม้กระจก (Wooden Glass Door) – ผสมผสานระหว่างไม้และกระจก เหมาะกับบ้านสมัยใหม่
ประตูไม้บานเกล็ด (Louvered Wood Door) – มีช่องระบายอากาศ ช่วยลดความอับชื้น
ประตูไม้บานเฟี้ยม (Folding Wood Door) – สามารถพับเก็บได้ เหมาะกับพื้นที่จำกัด
2. ไม้ชนิดไหนเหมาะสำหรับทำประตูไม้?
ไม้สัก – ทนทานต่อปลวกและความชื้น อายุการใช้งานยาวนาน
ไม้เต็ง – แข็งแรง เหมาะกับประตูภายนอก
ไม้แดง – มีความแข็งและทนทานสูง
ไม้มะค่า – หนักและแข็งแรง นิยมใช้ในงานหรูหรา
ไม้ยางพารา – ราคาประหยัด แต่ต้องเคลือบกันปลวก
3. ข้อดีของประตูไม้มีอะไรบ้าง?
ให้ความสวยงามเป็นธรรมชาติ
แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นาน
ปรับแต่ง ขัด ทาสีใหม่ได้
เป็นฉนวนกันเสียงและกันความร้อนได้ดี
4. ข้อเสียของประตูไม้มีอะไรบ้าง?
ต้องดูแลป้องกันปลวกและความชื้น
อาจบิดงอหรือแตกร้าวเมื่อสัมผัสความชื้นสูง
น้ำหนักมาก อาจต้องใช้บานพับที่แข็งแรง
5. วิธีดูแลรักษาประตูไม้ให้ใช้งานได้นาน?
ทาน้ำยากันปลวกและความชื้นเป็นระยะ
ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาด หลีกเลี่ยงน้ำมากเกินไป
เคลือบเงาหรือทาสีใหม่เมื่อเริ่มเสื่อมสภาพ
6. ประตูไม้บวมจากความชื้นแก้ไขอย่างไร?
ใช้เครื่องเป่าลมหรือแดดอ่อนๆ เพื่อไล่ความชื้น
ขัดแต่งขอบประตูเพื่อลดขนาดและป้องกันการติดขัด
ใช้น้ำยาเคลือบกันชื้นเพื่อป้องกันปัญหาซ้ำ
7. ประตูไม้กับประตู UPVC หรืออลูมิเนียม แบบไหนดีกว่า?
ประตูไม้ – สวยงาม แข็งแรง แต่ต้องดูแลรักษา
ประตู UPVC – กันน้ำ ป้องกันปลวก แต่ไม่แข็งแรงเท่าไม้
ประตูอลูมิเนียม – น้ำหนักเบา ไม่ผุพังง่าย แต่ให้ความรู้สึกเย็นและเป็นอุตสาหกรรมมากกว่า
8. ประตูไม้ใช้ภายนอกได้หรือไม่?
ได้ แต่ต้องเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง และต้องทาสีหรือเคลือบกันน้ำ
9. ประตูไม้สั่งทำกับซื้อสำเร็จรูป แบบไหนดีกว่า?
สั่งทำ – ปรับแต่งขนาดและลวดลายได้ แต่ราคาสูงกว่า
สำเร็จรูป – ราคาถูกกว่า แต่ขนาดและดีไซน์จำกัด
10. ประตูไม้ราคาประมาณเท่าไหร่?
ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้และดีไซน์ โดยไม้สักและไม้มะค่าจะมีราคาสูงกว่าไม้ยางพาราหรือไม้ MDF