สินค้า
หน้าต่างไม้ ช่องเปิดระบายอากาศที่ให้ทั้งแสงสว่างและความเย็นสบาย
Schreiber B. (2023) กล่าวว่า หน้าต่าง เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีความเก่าแก่มาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นพร้อมกับการพัฒนาบ้านเรือนที่มีลักษณะตายตัวและปิดทุกด้านแบบไม่มีช่อง หน้าต่างได้ปรากฏในภาพวาดฝาผนังยุคแรกในอียิปต์และภาพนูนต่ำนูนสูงของอัสซีเรีย สำหรับอียิปต์นั้นจะแสดงให้เห็นแบบหน้าต่างที่เป็นช่องเปิดในผนังบ้านที่ปูด้วยเสื่อ ส่วนแบบหน้าต่างของอัสซีเรียมักจะกว้างกว่าที่สูงแทบทุกครั้ง และแบ่งย่อยด้วยเสาเรียวขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังพบหน้าต่างได้จากที่ต่าง ๆ ซึ่งถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน [1]
หน้าต่างไม้ คืออะไร
หน้าต่าง เป็นส่วนสำคัญของอาคารที่ทำหน้าที่เป็นช่องเปิดสำหรับการระบายอากาศ รับแสงธรรมชาติ และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอกของบ้านหรืออาคาร หน้าต่างไม้เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ไม่เพียงให้ความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังเสริมบรรยากาศที่อบอุ่นและมีเอกลักษณ์ให้กับตัวบ้าน[2]
หน้าต่างไม้ คืออะไร
หน้าต่างไม้ คือหน้าต่างที่ผลิตจากไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ไม้สัก ไม้แดง หรือไม้เต็ง ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานและสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความคลาสสิกและความหรูหราให้กับบ้าน นอกจากความสวยงามแล้ว หน้าต่างไม้ยังสามารถปรับแต่งรูปแบบได้ตามความต้องการ เช่น บานเปิด บานเลื่อน หรือบานเกล็ด
ความสำคัญของหน้าต่างไม้
เพิ่มความสวยงามและเอกลักษณ์ให้บ้าน
หน้าต่างไม้ช่วยสร้างความโดดเด่นและเสน่ห์ให้กับบ้าน ด้วยลายไม้ธรรมชาติและสีสันที่อบอุ่นช่วยระบายอากาศและลดความร้อน
หน้าต่างเป็นจุดที่ช่วยให้ลมและอากาศหมุนเวียน ทำให้บ้านเย็นสบาย และลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศรับแสงธรรมชาติ
การติดตั้งหน้าต่างไม้ช่วยให้แสงแดดธรรมชาติเข้ามาในบ้าน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยลดการใช้ไฟฟ้าวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ไม้เป็นวัสดุธรรมชาติที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุอื่นเพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน
บ้านที่ติดตั้งหน้าต่างไม้มักดูมีระดับและดึงดูดใจผู้ซื้อในอนาคต
การดูแลรักษาหน้าต่างไม้
ทาน้ำยากันปลวกและเชื้อราเป็นประจำ
ทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เพื่อป้องกันฝุ่นสะสม
ตรวจสอบและซ่อมแซมรอยรั่วหรือรอยแตกเพื่อยืดอายุการใช้งาน
หน้าต่างไม้ไม่เพียงแต่เป็นช่องเปิดสำหรับการรับแสงและระบายอากาศ แต่ยังเป็นองค์ประกอบที่ช่วยเสริมความงดงามและสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน การเลือกหน้าต่างไม้ที่เหมาะสมกับสไตล์บ้านและดูแลรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มมูลค่าให้บ้านได้ในระยะยาว[2]
รูปแบบของหน้าต่างไม้ที่ได้รับความนิยม
หน้าต่างไม้ เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับบ้านที่ต้องการความคลาสสิกและอบอุ่นจากธรรมชาติ ด้วยลวดลายไม้ที่สวยงามและคุณสมบัติที่หลากหลาย การเลือกประเภทของหน้าต่างไม้ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์และประโยชน์ใช้สอยให้กับบ้านของคุณ[3]
ประเภทของหน้าต่างไม้
หน้าต่างไม้บานเปิด (Casement Window)
ลักษณะ: เป็นหน้าต่างที่เปิดปิดด้วยการหมุนบานพับด้านข้าง
ข้อดี: เปิดได้กว้าง ช่วยให้รับลมและแสงธรรมชาติได้มาก
เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการระบายอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
หน้าต่างไม้บานเลื่อน (Sliding Window)
ลักษณะ: มีรางเลื่อนเพื่อเปิดปิดด้านข้าง
ข้อดี: ประหยัดพื้นที่ ใช้งานง่าย
เหมาะสำหรับ: ห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ห้องครัวหรือห้องน้ำ
หน้าต่างไม้บานเกล็ด (Louvered Window)
ลักษณะ: มีแผ่นไม้เรียงตัวกันในลักษณะแนวนอน สามารถปรับระดับการเปิด-ปิดได้
ข้อดี: ช่วยระบายอากาศได้ดีแม้ในวันที่ฝนตก
เหมาะสำหรับ: ห้องที่ต้องการการระบายอากาศตลอดเวลา
หน้าต่างไม้บานเฟี้ยม (Folding Window)
ลักษณะ: สามารถพับเก็บเข้าด้านข้างเพื่อเปิดพื้นที่ได้เต็มที่
ข้อดี: ให้ความหรูหราและสามารถเชื่อมพื้นที่ภายในกับภายนอกได้ดี
เหมาะสำหรับ: บ้านสไตล์รีสอร์ตหรือพื้นที่ที่ต้องการมุมมองกว้าง
หน้าต่างไม้บานกระทุ้ง (Awning Window)
ลักษณะ: เปิดปิดด้วยการผลักบานพับด้านล่างออก
ข้อดี: ช่วยป้องกันน้ำฝนและสามารถเปิดระบายอากาศได้ตลอดเวลา
เหมาะสำหรับ: บ้านในพื้นที่ฝนตกชุก
หน้าต่างไม้บานตาย (Fixed Window)
ลักษณะ: หน้าต่างที่ไม่สามารถเปิดปิดได้ เน้นการรับแสงและตกแต่ง
ข้อดี: เพิ่มแสงสว่างและสร้างมุมมองที่สวยงาม
เหมาะสำหรับ: พื้นที่ที่ต้องการแสงธรรมชาติหรือวิวที่โดดเด่น
การเลือกประเภทของหน้าต่างไม้
ความเหมาะสมของพื้นที่: เช่น พื้นที่แคบควรเลือกบานเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่
สไตล์ของบ้าน: บ้านสไตล์คลาสสิกมักใช้บานเปิด หรือบานเฟี้ยมสำหรับบ้านสไตล์รีสอร์ต
วัตถุประสงค์การใช้งาน: หากต้องการระบายอากาศควรเลือกบานเกล็ด หรือบานเปิด
ข้อดีของหน้าต่างไม้
ให้ความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิดธรรมชาติ
ปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบและขนาด
มีความคงทนและอายุการใช้งานยาวนาน
ประเภทของหน้าต่างไม้มีให้เลือกหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านความสวยงาม การใช้งาน และความเหมาะสมกับพื้นที่ การเลือกหน้าต่างไม้ที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มเสน่ห์และประโยชน์ใช้สอยให้กับบ้านของคุณได้เป็นอย่างดี[3]
ชนิดของไม้ที่เหมาะต่อการทำหน้าต่าง
เนื่องจากหน้าต่างเป็นส่วนที่มักจะต้องเผชิญกับแสงแดดและฝน รวมถึงสภาพอากาศภายนอกอยู่เป็นประจำ ดังนั้นหน้าต่างที่ดีควรจะมีความแข็งแรงและทนทาน สำหรับไม้ที่เหมาะต่อการนำมาทำหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนของวงกบ บานหน้าต่างหรือกรอบหน้าต่างก็ตาม ควรใช้ไม้เนื้อแข็งอย่างไม้สัก ไม้เต็ง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้จำปา เป็นต้น ข้อดีของประตูและหน้าต่างที่ผลิตจากไม้จริงคือ มีสีสันสวยงาม มีลวดลายสวยตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ไม้สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานหน้าต่างได้อีกด้วย [4]
เปรียบเทียบหน้าต่างไม้กับวัสดุอื่น
การเลือกวัสดุสำหรับหน้าต่างถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ ไม่เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับการใช้งาน ความทนทาน และค่าใช้จ่ายในระยะยาว หน้าต่างไม้ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมายาวนาน แต่ในปัจจุบันก็มีวัสดุอื่น ๆ เช่น อะลูมิเนียม และ UPVC ที่เข้ามาแข่งขัน วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละวัสดุ เพื่อช่วยให้คุณเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
เปรียบเทียบหน้าต่างไม้กับวัสดุอื่น
1. หน้าต่างไม้
ข้อดี:
ความสวยงาม: ให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหรา ด้วยลวดลายธรรมชาติของไม้
ความเป็นเอกลักษณ์: ไม้แต่ละชิ้นมีลายไม่ซ้ำกัน ทำให้หน้าต่างไม้มีความเฉพาะตัว
ปรับแต่งได้: สามารถออกแบบและแกะสลักตามความต้องการ
ข้อเสีย:
ต้องการการดูแลรักษา: เช่น การทาน้ำยากันปลวกหรือกันชื้น
ค่าใช้จ่ายสูง: ไม้คุณภาพดีมักมีราคาสูงกว่าวัสดุอื่น
2. หน้าต่างอะลูมิเนียม
ข้อดี:
ทนต่อสภาพอากาศ: ไม่เกิดสนิมและไม่บวมเมื่อโดนน้ำ
น้ำหนักเบา: ง่ายต่อการติดตั้ง
ไม่ต้องการการดูแลรักษามาก
ข้อเสีย:
ความสวยงามจำกัด: ไม่มีลวดลายธรรมชาติแบบไม้
นำความร้อน: อะลูมิเนียมอาจทำให้บ้านร้อนขึ้น
3. หน้าต่าง UPVC (Unplasticized Polyvinyl Chloride)
ข้อดี:
ราคาย่อมเยา: ประหยัดกว่าวัสดุอื่น
กันเสียงและกันความร้อนได้ดี
ไม่ผุกร่อน: เหมาะสำหรับบ้านในพื้นที่ชื้น
ข้อเสีย:
ความสวยงาม: ดูเรียบง่าย ไม่หรูหราเท่าไม้
ซ่อมแซมยาก: หากเกิดความเสียหาย มักต้องเปลี่ยนทั้งชิ้น
การเลือกวัสดุที่เหมาะสม
หน้าต่างไม้: เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความหรูหราและเอกลักษณ์
หน้าต่างอะลูมิเนียม: เหมาะสำหรับอาคารพาณิชย์หรือบ้านที่เน้นความทนทานและดูแลรักษาง่าย
หน้าต่าง UPVC: เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความคุ้มค่าและการกันเสียง
การเลือกหน้าต่างไม้หรือวัสดุอื่นขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ หน้าต่างไม้ โดดเด่นเรื่องความสวยงามและความเป็นธรรมชาติ ในขณะที่อะลูมิเนียมและ UPVC เน้นความคงทนและการใช้งานในระยะยาว การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ข้อแตกต่างระหว่างหน้าต่างไม้ และหน้าต่างจากวัสดุอื่น ๆ
• ลักษณะภายนอก สำหรับหน้าต่างไม้มักจะมีสีสันและลวดลายสวยงาม ดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ สามารถเข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ ซึ่งไม้แต่ละชนิดจะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ส่วนหน้าต่างที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก อลูมิเนียม สเตนเลส พลาสติก PVC และกระจก สีสันและผิวสัมผัสจะมีลักษณะคล้ายกัน และมีให้เลือกน้อยกว่าหน้าต่างไม้
• ความแข็งแรง ทนทาน หน้าต่างไม้จะมีความแข็งแรงและทนทาน โดยเฉพาะหน้าต่างที่ทำจากไม้เก่าหรือไม้เนื้อแข็งที่มีคุณสมบัติทนต่อแดด ฝน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงป้องกันปลวกและแมลงได้ เช่น ไม้สัก ถือเป็นไม้ที่มีลวดลายสวยงามและมีความแข็งแรง แต่ไม้ดังกล่าวจะต้องเป็นไม้ที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สำหรับหน้าต่างที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะมีความแข็งแรงเช่นกัน และไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับปลวกและแมลง แต่หน้าต่างเหล็กมักมีโอกาสที่จะเป็นสนิมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่ใช้ด้วย
• อายุการใช้งาน หน้าต่างไม้ที่ทำจากไม้จริงซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็ง จะมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป หากได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจะอยู่ได้นานถึง 60 ปี หรือมากกว่านั้น ส่วนหน้าต่างที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก อลูมิเนียม สเตนเลส พลาสติก PVC และกระจก จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 10–20 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่ใช้ รวมถึงวิธีการดูแลรักษาด้วย
ขนาดมาตรฐานของหน้าต่างที่นิยมใช้
เนื่องจากหน้าต่างมีหลากหลายรูปแบบ จึงทำให้ขนาดมาตรฐานของหน้าต่างแต่ละประเภทแตกต่างกัน และขนาดมาตรฐานของหน้าต่างประเภทต่าง ๆ ที่นิยมใช้กันมีอยู่ ดังนี้
1.หน้าต่างบานเปิด ขนาดที่นิยมใช้ คือ 60 x 110 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
2.หน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถแบ่งออกเป็น 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดหน้าต่างในห้องนั่งเล่นและห้องนอน คือ 80 x 110 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว) และขนาดหน้าต่างในห้องน้ำ คือ 80 x 50 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
3.หน้าต่างบานเฟี้ยม ขนาดที่นิยมใช้ คือ 45 x 110 เซนติเมตร (ความกว้างน้อยที่สุด x ความยาว)
4.หน้าต่างบานเลื่อน สามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
• หน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยว ได้แก่ ขนาด 100 x 110, 120 x 110 และ 120 x 150 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
• หน้าต่างบานเลื่อนคู่ ได้แก่ ขนาด 180 x 110, 240 x 110 และ 240 x 150 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
• หน้าต่างบานเลื่อนสาม ได้แก่ ขนาด 180 x 110 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
5.หน้าต่างบานยก ขนาดที่นิยมใช้ คือ 60 x 110 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว) [3]
วิธีเลือกซื้อหน้าต่างไม้
• รูปแบบหน้าต่างไม้ ขั้นตอนแรกผู้ใช้จำเป็นต้องพิจารณาดีไซน์ของบ้านที่อยู่อาศัยก่อนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร และเหมาะกับหน้าต่างรูปแบบใด หากต้องการหน้าต่างไม้ที่สามารถเปิดรับลมและแสงแดดได้อย่างเต็มที่ ควรเลือกหน้าต่างบานเปิดและบานเฟี้ยม ถ้าต้องการหน้าต่างไม้ที่ทำหน้าที่เป็นกันสาดให้ในตัวควรเลือกหน้าต่างบานกระทุ้ง ส่วนใครที่ต้องการแบบหน้าต่างที่ใช้งานง่าย ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่ง ควรเลือกหน้าต่างบานเลื่อนที่มีกระจก ในกรณีที่มีพื้นที่จำกัดอาจเลือกใช้หน้าต่างบานยก
• ชนิดของไม้ นอกจากรูปแบบหน้าต่างไม้แล้ว ชนิดของไม้ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะจะบ่งบอกได้ว่าคุณสมบัติโดยรวมนั้นตอบโจทย์การใช้งานหรือไม่ หน้าต่างไม้ที่ดีควรใช้ไม้เนื้อแข็งที่มีลวดลายสวยงาม ทนต่อแดด ฝน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงป้องกันปลวกและแมลงได้ด้วย หากเป็นหน้าต่างที่ทำจากไม้สังเคราะห์ก็ควรเลือกเกรดไม้คุณภาพดีเป็นหลัก
• แหล่งผลิตและจำหน่าย หลังจากตัดสินใจเลือกรูปแบบหน้าต่างและชนิดของไม้ได้แล้ว ผู้ใช้ควรเลือกแหล่งผลิตและจำหน่ายหน้าต่างไม้ให้ดี เนื่องจากในปัจจุบันไม้คุณภาพดีอาจพบได้น้อยลง นั่นเป็นเพราะว่าไม้จริงที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์หาได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าหากใครสนใจไม้เก่าที่มีความแข็งแรงและทนทาน TWOMENWOOD มีสินค้าดังกล่าวจำหน่ายด้วย ทั้งนี้หากใครไม่มั่นใจควรปรึกษาผู้ที่มีความรู้ หรือแหล่งจำหน่ายหน้าต่างไม้ที่ดูน่าเชื่อถือมากที่สุด [5]
วิธีบำรุงรักษาหน้าต่างไม้
หน้าต่างไม้อาจต้องได้รับการบำรุงรักษาเป็นประจำมากกว่าวัสดุอื่น ๆ โดยเฉพาะไม้จริงที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน เมื่อเวลาผ่านไปมักจะทำให้สีของเนื้อไม้จางลง ซึ่งสามารถบำรุงรักษาเช่น ใช้น้ำยาเคลือบรักษาไม้, ทาสีทับ, ยาแนวอุดรอยรั่ว โดยทั่วไปแล้วการเคลือบสีคุณภาพสูงจะมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 8–10 ปี ซึ่งถ้าหากผ่านการเคลือบแล้วไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาหรือทำอะไรเพิ่มเติม นอกเสียจากหน้าต่างไม้นั้นมีสีจางลงหรือบางส่วนชำรุด อย่างไรก็ตามการทำความสะอาดหน้าต่างไม้เป็นประจำยังถือเป็นสิ่งที่จำเป็น
จะเห็นได้ว่าแบบหน้าต่างนั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลาย สำหรับหน้าต่างไม้จริงจะมีลักษณะเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเลียนแบบให้เหมือนได้ค่อนข้างยาก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศ แดดและฝน รวมถึงป้องกันศัตรูไม้ และทาสีใหม่ได้อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจหน้าต่างไม้ ไม้เก่า ไม้แปรรูปต่างๆ TWOMENWOOD มีหน้าต่างให้เลือกหลายแบบ และยังสามารถสั่งทำตามความต้องการได้อีกด้วย สำหรับท่านใดต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
หมายเหตุ ร้านเราจะขายไม้เก่าไทย เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เนื้อแข็ง สามารถตรวจเช็คราคาได้ทางข้างล่าง
ตรวจสอบราคาสินค้า
อ้างอิง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหน้าต่าง
1. หน้าต่างมีกี่ประเภท?
หน้าต่างมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการใช้งานและดีไซน์ เช่น
หน้าต่างบานเปิด (Casement Window) – เปิด-ปิดแบบผลักออกด้านข้างหรือดึงเข้า
หน้าต่างบานเลื่อน (Sliding Window) – เลื่อนซ้าย-ขวา ประหยัดพื้นที่
หน้าต่างบานกระทุ้ง (Awning Window) – เปิดออกด้านล่าง ช่วยระบายอากาศได้ดี
หน้าต่างบานเกล็ด (Louver Window) – ใช้กระจกหรือไม้เรียงซ้อน เปิดปิดปรับมุมได้
หน้าต่างบานตาย (Fixed Window) – ติดตั้งแบบปิดตาย ไม่สามารถเปิดได้
2. หน้าต่างควรใช้วัสดุอะไรดี?
หน้าต่างไม้ – สวยงาม ให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ต้องดูแลป้องกันปลวกและความชื้น
หน้าต่างอลูมิเนียม – น้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม ทนต่อสภาพอากาศ
หน้าต่าง UPVC – กันน้ำ ป้องกันปลวกและเสียงรบกวน แต่ไม่แข็งแรงเท่าอลูมิเนียม
หน้าต่างเหล็ก – แข็งแรง แต่ต้องเคลือบกันสนิม
3. ขนาดมาตรฐานของหน้าต่างมีอะไรบ้าง?
ขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้ ได้แก่
หน้าต่างบานเดี่ยว: 60×110 ซม., 80×110 ซม.
หน้าต่างบานคู่: 120×110 ซม., 150×110 ซม.
(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบและโครงสร้างของอาคาร)
4. ควรเลือกหน้าต่างแบบไหนให้เหมาะกับบ้าน?
บ้านที่ต้องการรับลมมาก → หน้าต่างบานเปิด หรือ บานกระทุ้ง
บ้านที่มีพื้นที่จำกัด → หน้าต่างบานเลื่อน
บ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัว → หน้าต่างบานตายหรือบานเกล็ด
5. วิธีดูแลรักษาหน้าต่างไม้ให้ใช้งานได้นาน?
ทาน้ำยากันปลวกก่อนติดตั้ง
ใช้สีย้อมไม้หรือสารเคลือบกันน้ำ
หลีกเลี่ยงการโดนน้ำหรือความชื้นเป็นเวลานาน
6. หน้าต่างแบบไหนช่วยกันเสียงรบกวนได้ดีที่สุด?
หน้าต่างที่มีกระจกสองชั้น (Double Glazing) หรือ หน้าต่าง UPVC จะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี
7. ซ่อมแซมหน้าต่างไม้ที่ผุหรือแตกร้าวควรทำอย่างไร?
หากผุเล็กน้อย ใช้กาวไม้หรือเรซินอุดรอยแตกร้าว
หากเสียหายมาก อาจต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย
8. ควรติดตั้งหน้าต่างกี่บานในห้องหนึ่ง?
ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องและการระบายอากาศ โดยทั่วไป
ห้องนอนควรมี 1-2 บาน เพื่อรับแสงและอากาศ
ห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกควรมี 2-4 บาน
9. หน้าต่างอลูมิเนียมดีกว่าหน้าต่างไม้หรือไม่?
หน้าต่างอลูมิเนียม → ทนต่อสภาพอากาศ ไม่เป็นสนิม แต่ให้ความสวยงามแบบโมเดิร์น
หน้าต่างไม้ → สวยงาม ดูอบอุ่น แต่ต้องดูแลรักษาให้ดี
10. หน้าต่างราคาประมาณเท่าไหร่?
ราคาขึ้นอยู่กับวัสดุและขนาด เช่น
หน้าต่างไม้ → เริ่มต้นที่ 1,500 – 5,000 บาทต่อบาน
หน้าต่างอลูมิเนียม → เริ่มต้นที่ 2,000 – 8,000 บาทต่อบาน
หน้าต่าง UPVC → เริ่มต้นที่ 3,000 – 10,000 บาทต่อบาน