
สินค้า
หน้าต่างไม้ ช่องเปิดระบายอากาศที่ให้ทั้งแสงสว่างและความเย็นสบาย
Schreiber B. (2023) กล่าวว่า หน้าต่าง เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีความเก่าแก่มาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นพร้อมกับการพัฒนาบ้านเรือนที่มีลักษณะตายตัวและปิดทุกด้านแบบไม่มีช่อง หน้าต่างได้ปรากฏในภาพวาดฝาผนังยุคแรกในอียิปต์และภาพนูนต่ำนูนสูงของอัสซีเรีย สำหรับอียิปต์นั้นจะแสดงให้เห็นแบบหน้าต่างที่เป็นช่องเปิดในผนังบ้านที่ปูด้วยเสื่อ ส่วนแบบหน้าต่างของอัสซีเรียมักจะกว้างกว่าที่สูงแทบทุกครั้ง และแบ่งย่อยด้วยเสาเรียวขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังพบหน้าต่างได้จากที่ต่าง ๆ ซึ่งถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน [1]

หน้าต่างไม้ คืออะไร
หน้าต่าง เป็นส่วนสำคัญของอาคารที่ทำหน้าที่เป็นช่องเปิดสำหรับการระบายอากาศ รับแสงธรรมชาติ และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอกของบ้านหรืออาคาร หน้าต่างไม้เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ไม่เพียงให้ความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังเสริมบรรยากาศที่อบอุ่นและมีเอกลักษณ์ให้กับตัวบ้าน[2]
หน้าต่างไม้ คืออะไร
หน้าต่างไม้ คือหน้าต่างที่ผลิตจากไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ไม้สัก ไม้แดง หรือไม้เต็ง ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานและสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความคลาสสิกและความหรูหราให้กับบ้าน นอกจากความสวยงามแล้ว หน้าต่างไม้ยังสามารถปรับแต่งรูปแบบได้ตามความต้องการ เช่น บานเปิด บานเลื่อน หรือบานเกล็ด
ความสำคัญของหน้าต่างไม้
เพิ่มความสวยงามและเอกลักษณ์ให้บ้าน
หน้าต่างไม้ช่วยสร้างความโดดเด่นและเสน่ห์ให้กับบ้าน ด้วยลายไม้ธรรมชาติและสีสันที่อบอุ่นช่วยระบายอากาศและลดความร้อน
หน้าต่างเป็นจุดที่ช่วยให้ลมและอากาศหมุนเวียน ทำให้บ้านเย็นสบาย และลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศรับแสงธรรมชาติ
การติดตั้งหน้าต่างไม้ช่วยให้แสงแดดธรรมชาติเข้ามาในบ้าน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยลดการใช้ไฟฟ้าวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ไม้เป็นวัสดุธรรมชาติที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุอื่นเพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน
บ้านที่ติดตั้งหน้าต่างไม้มักดูมีระดับและดึงดูดใจผู้ซื้อในอนาคต
การดูแลรักษาหน้าต่างไม้
ทาน้ำยากันปลวกและเชื้อราเป็นประจำ
ทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เพื่อป้องกันฝุ่นสะสม
ตรวจสอบและซ่อมแซมรอยรั่วหรือรอยแตกเพื่อยืดอายุการใช้งาน
หน้าต่างไม้ไม่เพียงแต่เป็นช่องเปิดสำหรับการรับแสงและระบายอากาศ แต่ยังเป็นองค์ประกอบที่ช่วยเสริมความงดงามและสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน การเลือกหน้าต่างไม้ที่เหมาะสมกับสไตล์บ้านและดูแลรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มมูลค่าให้บ้านได้ในระยะยาว[2]

รูปแบบของหน้าต่างไม้ที่ได้รับความนิยม
หน้าต่างไม้ เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับบ้านที่ต้องการความคลาสสิกและอบอุ่นจากธรรมชาติ ด้วยลวดลายไม้ที่สวยงามและคุณสมบัติที่หลากหลาย การเลือกประเภทของหน้าต่างไม้ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์และประโยชน์ใช้สอยให้กับบ้านของคุณ[3]
ประเภทของหน้าต่างไม้
หน้าต่างไม้บานเปิด (Casement Window)
ลักษณะ: เป็นหน้าต่างที่เปิดปิดด้วยการหมุนบานพับด้านข้าง
ข้อดี: เปิดได้กว้าง ช่วยให้รับลมและแสงธรรมชาติได้มาก
เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการระบายอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
หน้าต่างไม้บานเลื่อน (Sliding Window)
ลักษณะ: มีรางเลื่อนเพื่อเปิดปิดด้านข้าง
ข้อดี: ประหยัดพื้นที่ ใช้งานง่าย
เหมาะสำหรับ: ห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ห้องครัวหรือห้องน้ำ
หน้าต่างไม้บานเกล็ด (Louvered Window)
ลักษณะ: มีแผ่นไม้เรียงตัวกันในลักษณะแนวนอน สามารถปรับระดับการเปิด-ปิดได้
ข้อดี: ช่วยระบายอากาศได้ดีแม้ในวันที่ฝนตก
เหมาะสำหรับ: ห้องที่ต้องการการระบายอากาศตลอดเวลา
หน้าต่างไม้บานเฟี้ยม (Folding Window)
ลักษณะ: สามารถพับเก็บเข้าด้านข้างเพื่อเปิดพื้นที่ได้เต็มที่
ข้อดี: ให้ความหรูหราและสามารถเชื่อมพื้นที่ภายในกับภายนอกได้ดี
เหมาะสำหรับ: บ้านสไตล์รีสอร์ตหรือพื้นที่ที่ต้องการมุมมองกว้าง
หน้าต่างไม้บานกระทุ้ง (Awning Window)
ลักษณะ: เปิดปิดด้วยการผลักบานพับด้านล่างออก
ข้อดี: ช่วยป้องกันน้ำฝนและสามารถเปิดระบายอากาศได้ตลอดเวลา
เหมาะสำหรับ: บ้านในพื้นที่ฝนตกชุก
หน้าต่างไม้บานตาย (Fixed Window)
ลักษณะ: หน้าต่างที่ไม่สามารถเปิดปิดได้ เน้นการรับแสงและตกแต่ง
ข้อดี: เพิ่มแสงสว่างและสร้างมุมมองที่สวยงาม
เหมาะสำหรับ: พื้นที่ที่ต้องการแสงธรรมชาติหรือวิวที่โดดเด่น
การเลือกประเภทของหน้าต่างไม้
ความเหมาะสมของพื้นที่: เช่น พื้นที่แคบควรเลือกบานเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่
สไตล์ของบ้าน: บ้านสไตล์คลาสสิกมักใช้บานเปิด หรือบานเฟี้ยมสำหรับบ้านสไตล์รีสอร์ต
วัตถุประสงค์การใช้งาน: หากต้องการระบายอากาศควรเลือกบานเกล็ด หรือบานเปิด
ข้อดีของหน้าต่างไม้
ให้ความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิดธรรมชาติ
ปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบและขนาด
มีความคงทนและอายุการใช้งานยาวนาน
ประเภทของหน้าต่างไม้มีให้เลือกหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านความสวยงาม การใช้งาน และความเหมาะสมกับพื้นที่ การเลือกหน้าต่างไม้ที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มเสน่ห์และประโยชน์ใช้สอยให้กับบ้านของคุณได้เป็นอย่างดี[3]
ชนิดของไม้ที่เหมาะต่อการทำหน้าต่าง
เนื่องจากหน้าต่างเป็นส่วนที่มักจะต้องเผชิญกับแสงแดดและฝน รวมถึงสภาพอากาศภายนอกอยู่เป็นประจำ ดังนั้นหน้าต่างที่ดีควรจะมีความแข็งแรงและทนทาน สำหรับไม้ที่เหมาะต่อการนำมาทำหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนของวงกบ บานหน้าต่างหรือกรอบหน้าต่างก็ตาม ควรใช้ไม้เนื้อแข็งอย่างไม้สัก ไม้เต็ง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้จำปา เป็นต้น ข้อดีของประตูและหน้าต่างที่ผลิตจากไม้จริงคือ มีสีสันสวยงาม มีลวดลายสวยตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ไม้สังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานหน้าต่างได้อีกด้วย [4]
เปรียบเทียบหน้าต่างไม้กับวัสดุอื่น

การเลือกวัสดุสำหรับหน้าต่างถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ ไม่เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับการใช้งาน ความทนทาน และค่าใช้จ่ายในระยะยาว หน้าต่างไม้ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมายาวนาน แต่ในปัจจุบันก็มีวัสดุอื่น ๆ เช่น อะลูมิเนียม และ UPVC ที่เข้ามาแข่งขัน วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละวัสดุ เพื่อช่วยให้คุณเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
เปรียบเทียบหน้าต่างไม้กับวัสดุอื่น
1. หน้าต่างไม้
ข้อดี:
ความสวยงาม: ให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหรา ด้วยลวดลายธรรมชาติของไม้
ความเป็นเอกลักษณ์: ไม้แต่ละชิ้นมีลายไม่ซ้ำกัน ทำให้หน้าต่างไม้มีความเฉพาะตัว
ปรับแต่งได้: สามารถออกแบบและแกะสลักตามความต้องการ
ข้อเสีย:
ต้องการการดูแลรักษา: เช่น การทาน้ำยากันปลวกหรือกันชื้น
ค่าใช้จ่ายสูง: ไม้คุณภาพดีมักมีราคาสูงกว่าวัสดุอื่น
2. หน้าต่างอะลูมิเนียม
ข้อดี:
ทนต่อสภาพอากาศ: ไม่เกิดสนิมและไม่บวมเมื่อโดนน้ำ
น้ำหนักเบา: ง่ายต่อการติดตั้ง
ไม่ต้องการการดูแลรักษามาก
ข้อเสีย:
ความสวยงามจำกัด: ไม่มีลวดลายธรรมชาติแบบไม้
นำความร้อน: อะลูมิเนียมอาจทำให้บ้านร้อนขึ้น
3. หน้าต่าง UPVC (Unplasticized Polyvinyl Chloride)
ข้อดี:
ราคาย่อมเยา: ประหยัดกว่าวัสดุอื่น
กันเสียงและกันความร้อนได้ดี
ไม่ผุกร่อน: เหมาะสำหรับบ้านในพื้นที่ชื้น
ข้อเสีย:
ความสวยงาม: ดูเรียบง่าย ไม่หรูหราเท่าไม้
ซ่อมแซมยาก: หากเกิดความเสียหาย มักต้องเปลี่ยนทั้งชิ้น
การเลือกวัสดุที่เหมาะสม
หน้าต่างไม้: เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความหรูหราและเอกลักษณ์
หน้าต่างอะลูมิเนียม: เหมาะสำหรับอาคารพาณิชย์หรือบ้านที่เน้นความทนทานและดูแลรักษาง่าย
หน้าต่าง UPVC: เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความคุ้มค่าและการกันเสียง
การเลือกหน้าต่างไม้หรือวัสดุอื่นขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ หน้าต่างไม้ โดดเด่นเรื่องความสวยงามและความเป็นธรรมชาติ ในขณะที่อะลูมิเนียมและ UPVC เน้นความคงทนและการใช้งานในระยะยาว การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ข้อแตกต่างระหว่างหน้าต่างไม้ และหน้าต่างจากวัสดุอื่น ๆ
• ลักษณะภายนอก สำหรับหน้าต่างไม้มักจะมีสีสันและลวดลายสวยงาม ดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ สามารถเข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ ซึ่งไม้แต่ละชนิดจะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ส่วนหน้าต่างที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก อลูมิเนียม สเตนเลส พลาสติก PVC และกระจก สีสันและผิวสัมผัสจะมีลักษณะคล้ายกัน และมีให้เลือกน้อยกว่าหน้าต่างไม้
• ความแข็งแรง ทนทาน หน้าต่างไม้จะมีความแข็งแรงและทนทาน โดยเฉพาะหน้าต่างที่ทำจากไม้เก่าหรือไม้เนื้อแข็งที่มีคุณสมบัติทนต่อแดด ฝน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงป้องกันปลวกและแมลงได้ เช่น ไม้สัก ถือเป็นไม้ที่มีลวดลายสวยงามและมีความแข็งแรง แต่ไม้ดังกล่าวจะต้องเป็นไม้ที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สำหรับหน้าต่างที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะมีความแข็งแรงเช่นกัน และไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับปลวกและแมลง แต่หน้าต่างเหล็กมักมีโอกาสที่จะเป็นสนิมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่ใช้ด้วย
• อายุการใช้งาน หน้าต่างไม้ที่ทำจากไม้จริงซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็ง จะมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป หากได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจะอยู่ได้นานถึง 60 ปี หรือมากกว่านั้น ส่วนหน้าต่างที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก อลูมิเนียม สเตนเลส พลาสติก PVC และกระจก จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 10–20 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่ใช้ รวมถึงวิธีการดูแลรักษาด้วย
ขนาดมาตรฐานของหน้าต่างที่นิยมใช้
เนื่องจากหน้าต่างมีหลากหลายรูปแบบ จึงทำให้ขนาดมาตรฐานของหน้าต่างแต่ละประเภทแตกต่างกัน และขนาดมาตรฐานของหน้าต่างประเภทต่าง ๆ ที่นิยมใช้กันมีอยู่ ดังนี้
1.หน้าต่างบานเปิด ขนาดที่นิยมใช้ คือ 60 x 110 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
2.หน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถแบ่งออกเป็น 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดหน้าต่างในห้องนั่งเล่นและห้องนอน คือ 80 x 110 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว) และขนาดหน้าต่างในห้องน้ำ คือ 80 x 50 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
3.หน้าต่างบานเฟี้ยม ขนาดที่นิยมใช้ คือ 45 x 110 เซนติเมตร (ความกว้างน้อยที่สุด x ความยาว)
4.หน้าต่างบานเลื่อน สามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
• หน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยว ได้แก่ ขนาด 100 x 110, 120 x 110 และ 120 x 150 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
• หน้าต่างบานเลื่อนคู่ ได้แก่ ขนาด 180 x 110, 240 x 110 และ 240 x 150 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
• หน้าต่างบานเลื่อนสาม ได้แก่ ขนาด 180 x 110 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว)
5.หน้าต่างบานยก ขนาดที่นิยมใช้ คือ 60 x 110 เซนติเมตร (ความกว้าง x ความยาว) [3]

วิธีเลือกซื้อหน้าต่างไม้
• รูปแบบหน้าต่างไม้ ขั้นตอนแรกผู้ใช้จำเป็นต้องพิจารณาดีไซน์ของบ้านที่อยู่อาศัยก่อนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร และเหมาะกับหน้าต่างรูปแบบใด หากต้องการหน้าต่างไม้ที่สามารถเปิดรับลมและแสงแดดได้อย่างเต็มที่ ควรเลือกหน้าต่างบานเปิดและบานเฟี้ยม ถ้าต้องการหน้าต่างไม้ที่ทำหน้าที่เป็นกันสาดให้ในตัวควรเลือกหน้าต่างบานกระทุ้ง ส่วนใครที่ต้องการแบบหน้าต่างที่ใช้งานง่าย ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่ง ควรเลือกหน้าต่างบานเลื่อนที่มีกระจก ในกรณีที่มีพื้นที่จำกัดอาจเลือกใช้หน้าต่างบานยก
• ชนิดของไม้ นอกจากรูปแบบหน้าต่างไม้แล้ว ชนิดของไม้ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง เพราะจะบ่งบอกได้ว่าคุณสมบัติโดยรวมนั้นตอบโจทย์การใช้งานหรือไม่ หน้าต่างไม้ที่ดีควรใช้ไม้เนื้อแข็งที่มีลวดลายสวยงาม ทนต่อแดด ฝน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงป้องกันปลวกและแมลงได้ด้วย หากเป็นหน้าต่างที่ทำจากไม้สังเคราะห์ก็ควรเลือกเกรดไม้คุณภาพดีเป็นหลัก
• แหล่งผลิตและจำหน่าย หลังจากตัดสินใจเลือกรูปแบบหน้าต่างและชนิดของไม้ได้แล้ว ผู้ใช้ควรเลือกแหล่งผลิตและจำหน่ายหน้าต่างไม้ให้ดี เนื่องจากในปัจจุบันไม้คุณภาพดีอาจพบได้น้อยลง นั่นเป็นเพราะว่าไม้จริงที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์หาได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าหากใครสนใจไม้เก่าที่มีความแข็งแรงและทนทาน TWOMENWOOD มีสินค้าดังกล่าวจำหน่ายด้วย ทั้งนี้หากใครไม่มั่นใจควรปรึกษาผู้ที่มีความรู้ หรือแหล่งจำหน่ายหน้าต่างไม้ที่ดูน่าเชื่อถือมากที่สุด [5]
วิธีบำรุงรักษาหน้าต่างไม้
หน้าต่างไม้อาจต้องได้รับการบำรุงรักษาเป็นประจำมากกว่าวัสดุอื่น ๆ โดยเฉพาะไม้จริงที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน เมื่อเวลาผ่านไปมักจะทำให้สีของเนื้อไม้จางลง ซึ่งสามารถบำรุงรักษาเช่น ใช้น้ำยาเคลือบรักษาไม้, ทาสีทับ, ยาแนวอุดรอยรั่ว โดยทั่วไปแล้วการเคลือบสีคุณภาพสูงจะมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 8–10 ปี ซึ่งถ้าหากผ่านการเคลือบแล้วไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาหรือทำอะไรเพิ่มเติม นอกเสียจากหน้าต่างไม้นั้นมีสีจางลงหรือบางส่วนชำรุด อย่างไรก็ตามการทำความสะอาดหน้าต่างไม้เป็นประจำยังถือเป็นสิ่งที่จำเป็น
จะเห็นได้ว่าแบบหน้าต่างนั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลาย สำหรับหน้าต่างไม้จริงจะมีลักษณะเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเลียนแบบให้เหมือนได้ค่อนข้างยาก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศ แดดและฝน รวมถึงป้องกันศัตรูไม้ และทาสีใหม่ได้อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจหน้าต่างไม้ ไม้เก่า ไม้แปรรูปต่างๆ TWOMENWOOD มีหน้าต่างให้เลือกหลายแบบ และยังสามารถสั่งทำตามความต้องการได้อีกด้วย สำหรับท่านใดต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
หมายเหตุ ร้านเราจะขายไม้เก่าไทย เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เนื้อแข็ง สามารถตรวจเช็คราคาได้ทางข้างล่าง