สินค้า
ไม้โอ๊ค ไม้อุตสาหกรรมอีกหนึ่งชนิดที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ
โอ๊ก เป็นไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มในสกุล Quercus มากกว่า 600 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองในซีกโลกเหนือ และมีการแพร่กระจายตั้งแต่เขตอากาศหนาวเย็นไปจนถึงเขตร้อนในเอเชีย รวมถึงอเมริกา พบได้ในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 0 – 2,000 เมตร จัดเป็นไม้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตช้า โดยไม้โอ๊คที่ใช้กันส่วนมากจะเป็นไม้ที่มาจากทางฝั่งอเมริกา ยุโรป รัสเซีย จีน และญี่ปุ่น แต่ทว่าไม้โอ๊คที่มีคุณภาพมักมาจากจีนและญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีอากาศเย็น จึงทำให้ไม้เติบโตได้ช้า ส่งผลให้เนื้อไม้มีความละเอียดเป็นพิเศษ ไม้โอ๊คถือเป็นไม้เนื้อแข็ง (ความแข็ง925 กก.)มีน้ำหนักมาก ทนทานและมีราคาแพง นี่เป็นเพราะต้นโอ๊กใช้เวลานานในการเจริญเติบโต [1]
ข้อมูลจากเว็บไซต์ของต่างประเทศได้ระบุว่า ไม้โอ๊คเป็นไม้ที่ได้จากต้นโอ๊ก จัดเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีลักษณะตรง เนื้อไม้มีสีเหลืองอ่อนเหลือบน้ำตาล ลวดลายสวยงาม เป็นธรรมชาติ ลายเสี้ยนชัดเจน ผิวไม้ค่อนข้างหยาบ คุณสมบัติโดดเด่นคือทนต่อแมลงและเชื้อราได้เป็นอย่างดี ไม้โอ๊ค ราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งนิยมใช้ไม้โอ๊คทำเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องเรือน นอกจากนี้ในต่างประเทศยังนิยมใช้ไม้โอ๊คทำถังสำหรับหมักไวน์อีกด้วย
ประวัติศาสตร์และความสำคัญของไม้โอ๊ค
ไม้โอ๊ค (Oak Wood) ถือเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของหลายประเทศทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านความแข็งแรง ความทนทาน และลวดลายที่งดงาม ไม้โอ๊คไม่เพียงแต่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า แต่ยังถูกนำมาใช้ในงานหลากหลายประเภทตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์ของไม้โอ๊ค
ยุคโบราณ
ในยุโรป ไม้โอ๊ค ถูกใช้สร้างบ้าน เรือ และอาวุธตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่น เรือ ไม้โอ๊ค ที่ใช้ในยุคไวกิ้ง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงและทนต่อสภาพอากาศ
ชาวเซลต์และชาวไวกิ้งยกย่อง ไม้โอ๊ค ว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมโยงกับเทพเจ้าแห่งสายฟ้า เช่น ธอร์
ยุคกลาง
ไม้โอ๊ค เป็นวัสดุหลักที่ใช้สร้างโบสถ์ วิหาร และปราสาทในยุโรปยุคกลาง ด้วยความแข็งแรงที่เหมาะสำหรับโครงสร้างอาคารขนาดใหญ่
ยังนิยมใช้ในงานแกะสลักศิลปะ เช่น ประตูและหน้าต่างโบสถ์
ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
ในศตวรรษที่ 18 และ 19 ไม้โอ๊คถูกใช้ในอุตสาหกรรมการต่อเรือ และการผลิตถังบ่มไวน์และสุรา เพราะความหนาแน่นของเนื้อไม้ที่ทนต่อการซึมของน้ำ
ปัจจุบัน
ไม้โอ๊ค ยังคงเป็นไม้ยอดนิยมสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ พื้นไม้ และถังบ่มสุราระดับพรีเมียม เช่น วิสกี้และไวน์
ความสำคัญของไม้โอ๊คในวัฒนธรรมต่าง ๆ
สัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่ง
ไม้โอ๊ค มักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความยืนยาวในหลายวัฒนธรรม
ในตำนานของอังกฤษ ไม้โอ๊ค ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการคุ้มครองและความมั่นคง
ความสำคัญทางสิ่งแวดล้อม
ต้นโอ๊คเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและช่วยปรับสมดุลระบบนิเวศ
ในหลายประเทศ มีการอนุรักษ์ป่า ไม้โอ๊ค เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ของสายพันธุ์ต้นโอ๊คและสัตว์ป่า
บทบาทในศิลปะและวรรณกรรม
ไม้โอ๊ค มักปรากฏในบทกวีและงานวรรณกรรม โดยเปรียบเปรยถึงความแข็งแรงและความอดทน
คุณสมบัติที่ทำให้ไม้โอ๊คมีความสำคัญ
ความแข็งแรงและทนทาน
ไม้โอ๊ค เป็นหนึ่งในไม้เนื้อแข็งที่มีความแข็งแรงสูง ใช้งานได้ยาวนานแม้ในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงลวดลายที่สวยงาม
ลวดลายของ ไม้โอ๊ค มีเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยเส้นลายที่ชัดเจน เหมาะสำหรับการตกแต่งภายในความสามารถในการใช้งานหลากหลาย
ไม้โอ๊ค สามารถใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่งานก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงการทำถังบ่มไวน์
บทบาทของไม้โอ๊คในปัจจุบัน
งานตกแต่งบ้าน: ไม้โอ๊ค ยังคงเป็นที่นิยมในการตกแต่งภายใน เช่น พื้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ และบันได
อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม: ไม้โอ๊คขาวถูกใช้ทำถังบ่มไวน์และวิสกี้ เพิ่มรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว
งานอนุรักษ์: ป่า ไม้โอ๊ค หลายแห่งได้รับการอนุรักษ์เพื่อปกป้องระบบนิเวศและสนับสนุนความยั่งยืน
ไม้โอ๊ค ไม่ได้เป็นเพียงทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญในหลายภูมิภาคทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมและการใช้งานที่หลากหลาย ไม้โอ๊คจึงยังคงเป็นหนึ่งในไม้ที่มีความสำคัญต่อมนุษยชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับไม้โอ๊ค
ไม้โอ๊ค (Oak Wood) เป็นไม้เนื้อแข็งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมไม้ทั่วโลก ด้วยความแข็งแรง ทนทาน และลวดลายที่สวยงามโดดเด่น ไม้ชนิดนี้ถูกนำมาใช้ในงานหลากหลาย ตั้งแต่การสร้างเฟอร์นิเจอร์ พื้นบ้าน ไปจนถึงถังบ่มไวน์ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ ไม้โอ๊ค และเหตุผลที่ทำให้ไม้ชนิดนี้เป็นที่ชื่นชอบของช่างไม้และนักออกแบบ [2]
ลักษณะเด่นของไม้โอ๊ค
ความแข็งแรง: ไม้โอ๊ค เป็นหนึ่งในไม้เนื้อแข็งที่มีความทนทานสูง เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรง เช่น พื้นบ้านหรือโต๊ะรับน้ำหนักมาก
ลวดลายที่สวยงาม: ลวดลาย ไม้โอ๊ค มีความโดดเด่นและหลากหลาย สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวในงานตกแต่ง
อายุการใช้งานยาวนาน: ด้วยความแข็งแรงและทนทาน ไม้โอ๊ค สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายสิบปี
ประโยชน์ของไม้โอ๊ค
งานเฟอร์นิเจอร์: โต๊ะ ตู้ เตียง และเก้าอี้ไม้โอ๊คได้รับความนิยมเพราะแข็งแรงและมีลวดลายที่สวยงาม
งานพื้นไม้: พื้น ไม้โอ๊ค ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและความหรูหราให้กับบ้าน
ถังบ่มไวน์และสุรา: ไม้โอ๊คขาวถูกใช้ทำถังบ่มไวน์และวิสกี้ เพราะช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
วิธีเลือกไม้โอ๊คคุณภาพดี
เลือกไม้ที่มีลวดลายชัดเจนและไม่มีรอยแตกหรือรูแมลง
ตรวจสอบระดับความชื้นในไม้ ควรอยู่ระหว่าง 6-8%
ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและมีใบรับรองมาตรฐาน เช่น FSC
ข้อควรระวังในการใช้ไม้โอ๊ค
น้ำหนัก: ไม้โอ๊ค มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการเคลื่อนย้ายบ่อย
ราคา: ไม้โอ๊ค มีราคาสูงกว่าไม้ชนิดอื่นในบางพื้นที่
ไม้โอ๊ค เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีคุณสมบัติครบครัน ทั้งความแข็งแรง ความสวยงาม และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ว่าจะใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ พื้นบ้าน หรืออุตสาหกรรมไวน์ ไม้โอ๊คยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของทั้งช่างไม้และนักออกแบบ [2]
ไม้โอ๊ค แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้
– ไม้โอ๊คแดง (Red Oak) เป็น ไม้โอ๊ค ที่มีการปลูกในทางฝั่งตะวันออกของอเมริกา เนื้อไม้มีสีน้ำตาลเข้มอมแดง มีเสี้ยนลึกและเด่นชัด ผิวสัมผัสหยาบ ให้ความรู้สึกแน่นและหนัก จึงสำหรับการใช้ตกแต่งบ้านในสไตล์อเมริกันมากกว่าในประเทศไทยจะไม่ค่อยนิยมนำมาตกแต่งบ้านกันนัก เพราะไม้โอ๊คแดงจะให้ความรู้สึกหนักและทึบตัน ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ทำฟืน และเฟอร์นิเจอร์
– ไม้โอ๊คขาว (White Oak) เป็น ไม้โอ๊ค อีกหนึ่งชนิดที่พบมากในฝั่งตะวันออกของอเมริกา เนื้อไม้มีสีขาวอมเหลือง เสี้ยนถี่และละเอียด ผิวไม้เรียบกว่าไม้โอ๊คแดง ในประเทศไทยจึงนิยมใช้ไม้โอ๊คขาวมากกว่าไม้โอ๊คแดง โดยเฉพาะในงานตกแต่งภายใน ไม้โอ๊คขาวจะให้ความรู้สึกโปร่ง เรียบง่ายและเบาสบาย เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์นและมินิมอลมากเลยทีเดียว [2]
การใช้ประโยชน์ไม้โอ๊ค
ไม้โอ๊ค เป็นไม้เนื้อแข็ง สีและลวดลายของเนื้อไม้สวยงาม ชัดเจน มีความสามารถในการทนต่อสภาพอากาศ ปลวก แมลงและเชื้อราได้เป็นอย่างดี สามารถเข้าได้กับทุกเฉดสี และมีอายุการใช้งานยาวนานอีกด้วย จึงค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะแลเก้าอี้รับประทานอาหาร เนื่องจากทนทานต่อการใช้งานที่ยาวนานและสมบุกสมบัน เนื่องจากมีน้ำหนักมาก การทาสีจึงดูไม่ดี ดังนั้นการย้อมสีจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับไม้โอ๊ค [1]
การใช้งานของไม้โอ๊คในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
1. งานเฟอร์นิเจอร์
ไม้โอ๊ค เป็นที่นิยมสำหรับการผลิตเฟอร์นิเจอร์หลากหลายประเภท เช่น:
โต๊ะไม้โอ๊ค
ตู้เสื้อผ้า
เตียงไม้
เก้าอี้และม้านั่ง
ไม้โอ๊ค ช่วยเพิ่มความทนทานและความสวยงามให้กับเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งยังเข้ากันได้ดีกับการตกแต่งทั้งสไตล์โมเดิร์นและคลาสสิก
2. งานพื้นไม้และผนังไม้
พื้น ไม้โอ๊ค เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับบ้านและอาคารที่ต้องการความหรูหราและทนทาน พื้น ไม้โอ๊ค ไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังสามารถรับน้ำหนักและทนต่อการใช้งานหนักได้ดี
3. อุตสาหกรรมไวน์และสุรา
ถังบ่มไวน์และสุราระดับพรีเมียม เช่น วิสกี้และบรั่นดี นิยมทำจาก ไม้โอ๊ค โดยเฉพาะไม้โอ๊คขาว เนื่องจากช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
4. งานตกแต่งบ้านและอาคาร
ไม้โอ๊ค ถูกนำมาใช้ในงานตกแต่งภายใน เช่น บันไดไม้ พื้นไม้ ผนังไม้ หรือแม้กระทั่งกรอบประตูและหน้าต่าง
5. อุตสาหกรรมเครื่องดนตรี
เครื่องดนตรีบางประเภท เช่น กลอง หรืออุปกรณ์ประกอบกีตาร์ นิยมใช้ ไม้โอ๊ค เพราะให้เสียงที่ก้องกังวานและสมดุล
6. งานศิลปะและของตกแต่ง
ด้วยความสวยงามของลวดลาย ไม้โอ๊ค จึงถูกนำมาทำของตกแต่ง เช่น กรอบรูป งานแกะสลัก และกล่องไม้
ข้อควรระวังในการใช้งานไม้โอ๊ค
น้ำหนัก: ไม้โอ๊ค มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับการขนย้ายหรือการติดตั้ง
ราคา: ไม้โอ๊ค มักมีราคาสูงกว่าไม้ชนิดอื่น เช่น ไม้ยางพาราหรือไม้มะม่วง
ความชื้น: แม้ ไม้โอ๊ค จะทนต่อความชื้นได้ดี แต่หากใช้ในพื้นที่เปียกชื้นเป็นเวลานานควรมีการเคลือบผิวเพื่อป้องกันการเสียหาย
ไม้โอ๊ค เป็นวัสดุที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความสวยงามและการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่งบ้าน หรือในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น การบ่มไวน์ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ไม้โอ๊ค จึงยังคงเป็นที่ต้องการสูงในตลาดงานไม้ทั่วโลก
เปรียบเทียบไม้โอ๊คกับไม้ชนิดอื่น
ไม้โอ๊ค (Oak Wood) เป็นหนึ่งในไม้เนื้อแข็งที่มีชื่อเสียงในด้านความทนทานและลวดลายที่สวยงาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ชนิดอื่น เช่น ไม้สัก ไม้มะฮอกกานี หรือไม้เมเปิ้ล ไม้โอ๊ค มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง ไม้โอ๊ค กับไม้ยอดนิยมชนิดอื่น ๆ เพื่อช่วยตัดสินใจเลือกใช้งานไม้ได้อย่างเหมาะสม
เปรียบเทียบไม้โอ๊คกับไม้สัก
ไม้โอ๊ค เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงและลวดลายโดดเด่น ส่วนไม้สักเหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพอากาศและแมลง
เปรียบเทียบไม้โอ๊คกับไม้มะฮอกกานี
ไม้โอ๊ค เหมาะสำหรับงานที่เน้นความแข็งแรงและความทนทาน ส่วนไม้มะฮอกกานีเหมาะกับงานที่ต้องการความหรูหราและสีไม้เข้ม
เปรียบเทียบไม้โอ๊คกับไม้เมเปิ้ล
ไม้โอ๊ค เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงและลวดลายโดดเด่น ส่วนไม้เมเปิ้ลเหมาะกับงานที่ต้องการสีโทนอ่อนและราคาย่อมเยา
เปรียบเทียบคุณสมบัติเด่น
ไม้โอ๊ค โดดเด่นเรื่องความแข็งแรง ลวดลายที่ชัดเจน และการใช้งานที่หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการงานไม้ที่มีความทนทานและคุ้มค่า ในขณะที่ไม้ชนิดอื่นอย่างไม้สัก ไม้มะฮอกกานี และไม้เมเปิ้ล ก็มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันไป
ข้อดีของไม้โอ๊ค
– เนื้อไม้แข็งแรงและดูสวยงาม ไม้โอ๊ค เป็นไม้เนื้อแข็ง และมีลวดลายสวยงาม โดยเฉพาะไม้โอ๊คขาวจะมีเนื้อไม้ค่อนข้างละเอียด เหมาะกับการทำเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องเรือนอย่างมาก เนื่องจากมีทั้งความสวยงามและทนทานนั่นเอง
– ทนต่อปลวกและแมลง รวมถึงเชื้อรา เนื่องจาก ไม้โอ๊ค เป็นไม้ที่มีสารแทนนินมาก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และป้องกันการเน่าเปื่อยของไม้ได้อีกด้วย โดยเฉพาะไม้โอ๊คที่ผ่านการขัดและเคลือบแล้วจะทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น
– ตาไม้เป็นธรรมชาติ ไม่ถี่และห่างเกินไป ถือเป็นข้อดีของ ไม้โอ๊ค และเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานมากพอสมควร เพราะไม้ที่มีตาไม้เป็นธรรมชาติ เมื่อนำไปแปรรูปจะดูสวยงามและไร้ตำหนิ
– ย้อมสีได้ง่าย ไม้โอ๊คธรรมชาติถือเป็นไม้ที่สามารถเข้าได้กับทุกเฉดสี ตั้งแต่สีเบจอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลและสีแดง ถึงแม้ว่าสีขาวจะเป็นสีที่ดูโดดเด่นมากกว่า แต่ก็สามารถนำมาย้อมสีตามความต้องการได้
– ทำความสะอาดได้ง่าย ไม้โอ๊ค ถือเป็นไม้เนื้อแข็งที่สามารถทนต่อทุกสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ดูแลรักษาได้ไม่ยาก ถ้าหากจะทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจาก ไม้โอ๊ค ก็สามารถใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ เช็ดเปียก 1 ผืน และเช็ดแห้ง 1 ผืน ในการทำความสะอาดได้
ข้อเสียของไม้โอ๊ค
– ใช้เวลาในการเจริญเติบโตนาน ไม้โอ๊ค ราคาสูง ไม่เพียงแต่คุณสมบัติของเนื้อไม้เท่านั้น แต่เกี่ยวกับระยะเวลาที่สามารถตัดไม้มาใช้ได้ โดยต้องใช้เวลารอค่อนข้างนานพอสมควร เนื่องจากเป็นไม้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตช้านั่นเอง ในกรณีที่ใช้ไม้โอ๊คอายุน้อย ไม้ที่ได้จะไม่แข็งแรง และเมื่อโดดแดดก็จะทำให้สีซีดได้
– ราคาค่อนข้างสูง ด้วยความที่เป็นไม้นำเข้าจากต่างประเทศ มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ สามารถใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลาย และมีเนื้อไม้ที่สวยงาม จึงทำให้ไม้โอ๊ค ราคาค่อนข้างสูงเทียบเคียงกับไม้สักและไม้มะค่า
จุดเด่นของไม้โอ๊ค
จุดเด่นของ ไม้โอ๊ค คือเป็นไม้เนื้อแข็ง ลายไม้ค่อนข้างชัดเจน มีความสวยงามและแข็งแรง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไม้สัก แต่ทว่า ไม้โอ๊ค ราคาค่อนข้างคงที่กว่า เพราะไม้สักจะมีหลายเกรดและหาได้ค่อนข้างยาก โดยไม้โอ๊คนั้นเป็นไม้อุตสาหกรรมที่เหมาะกับการนำมาทำเฟอร์นิเจอร์และใช้ในงานตกแต่งภายในที่เน้นความสวยงามเป็นหลัก นอกจากนี้ ไม้โอ๊ค ยังสามารถทำสีธรรมชาติ และย้อมสีได้อย่างหลากหลายอีกด้วย
จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่า ไม้โอ๊ค ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นไม้ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งาน โดยเฉพาะงานเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งภายใน ไม้โอ๊คขาวถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก เนื้อไม้มีสีและลวดลายสวยงาม โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งไม้นำเข้าที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน สำหรับใครที่สนใจไม้เก่า ไม้จริง และไม้แปรรูป เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง TWOMENWOOD มีสินค้าที่พร้อมจำหน่ายและจัดส่งทั่วประเทศด้วย สำหรับท่านใดต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
หมายเหตุ ร้านเราจะขายไม้เก่าไทย เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เนื้อแข็ง สามารถตรวจเช็คราคาได้ทางข้างล่าง