Your Cart

ไม้ยูคา ไม้เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่ใคร ๆ ก็สามารถจับต้องได้

ไม้ยูคา
https://www.hengpanit.com/images/content/original-1529571090126.jpg

ไม้ยูคาลิปตัส ไม้เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่ใคร ๆ ก็สามารถจับต้องได้

่วนส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ สำนักเศรษฐกิจการป่าไม้ ได้ให้ข้อมูลว่า ยูคาลิปตัส (Eucalyptus) เป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย โดยมีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่หมู่เกาะมินดาเนา เซลีเบส ปาปัวนิวกินี ในเขตพื้นที่ชุ่มที่มีน้ำขังในเขตร้อน โดยมีมากกว่า 700 ชนิดด้วยกัน สำหรับประเทศไทยมีการนำต้นยูคาลิปตัสเข้ามาปลูกครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2444 ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ ไม้ยูคาลิปตัสสามารถเจริญเติบโตได้ในแทบทุกสภาพพื้นที่ และมีอัตราการเจริญเติบโตสูงจึงนิยมนำมาปลูกกันอย่างแพร่หลาย [1]

ต้นยูคา
https://www.technologychaoban.com/wp-content/uploads/2020/11/Untitled.jpg

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นยูคาลิปตัส

• ลำต้น ยูคาลิปตัส เป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงประมาณ 10–25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มหนาทึบ มีลักษณะค่อนข้างกลม ลำต้นเปลาตรง โดยมีเปลือกหุ้มอยู่ด้านนอก เปลือกเรียบเป็นมัน มีสีเทาสลับสีขาวและน้ำตาลแดงเป็นบางแห่ง มักจะแตกร่อนเป็นแผ่นแล้วหลุดออกจากผิวของลำต้น

ใบ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเป็นคู่ มีลักษณะเป็นรูปหอกยาว 3–12 นิ้ว และกว้าง 0.5 – 0.8 นิ้ว ก้านใบค่อนข้างสั้น มีความยาวเพียง 2 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวอ่อนหม่น ๆ หรือสีเขียวอมน้ำเงินทั้งสองด้าน ใบห้อยลงตามกิ่ง ปลายใบแหลม แผ่นใบหนา และเส้นใบเด่นชัด
ดอก ยูคาลิปตัสจะออกดอกเป็นช่อตามบริเวณข้อต่อระหว่างกิ่งและใบ หรือบางสายพันธุ์จะออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ดอกมีสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ก้านดอกเรียวยาว และมีก้านย่อยแยกออกไปอีก ซึ่ง ยูคา จะออกดอกเกือบตลอดทั้งปี
ผล มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมหรือรูปถ้วย ปลายผลแหลม ในส่วนของผิวด้านนอกของผลจะมีความแข็ง ผลอ่อนจะมีสีเขียว จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อผลแก่ และปลายผลจะแยกออกด้วย [2]

ลักษณะไม้ ยูคา

ไม้ ยูคา เป็นไม้ที่ได้จากต้นยูคาลิปตัส เป็นไม้เนื้อแข็ง (ความแข็ง 731 กก.) ลักษณะเนื้อไม้จะมีแก่นไม้สีน้ำตาล ส่วนกระพี้มีสีน้ำตาลอ่อน จึงทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างแก่นและกระพี้ไม้ได้ค่อนข้างชัดเจน สำหรับไม้ ยูคา คามาลดูเลนซิส (Eucalyptus camaldulensis) หากมีอายุมากขึ้นจะมีสีน้ำตาลแดง ซึ่งถือว่าสีเข้มกว่าไม้ที่มีอายุน้อย โดยเนื้อไม้มีลักษณะค่อนข้างละเอียด เสี้ยนสน บางครั้งอาจพบว่ามีการบิดไปตามแนวลำต้น [1]

https://quinl.quinlcdn.com/productImages/UploadImages/1808/1533722056_25594.jpg

เปรียบเทียบไม้ยูคากับไม้ชนิดอื่น: ข้อดี-ข้อเสีย และการใช้งานที่เหมาะสม

ไม้ยูคา เป็นไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมและงานไม้หลากหลายประเภท เนื่องจากมีราคาประหยัดและหาได้ง่าย อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่าไม้ยูคามีความแตกต่างจากไม้ชนิดอื่นอย่างไร เช่น ไม้ยางพารา ไม้สัก หรือไม้ไผ่ บทความนี้จะช่วยเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของไม้ยูคาเมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่น เพื่อช่วยคุณตัดสินใจเลือกไม้ให้เหมาะกับการใช้งาน [2]

1. ลักษณะและคุณสมบัติของไม้ยูคา

ไม้ยูคาเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง มีสีขาวถึงน้ำตาลอ่อน เนื้อไม้มีความตรง น้ำหนักเบาถึงปานกลาง และสามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น เสารั้ว ไม้พาเลท หรือไม้ทำเยื่อกระดาษ

2. เปรียบเทียบกับไม้ชนิดอื่น

  • ไม้ยูคา vs ไม้ยางพารา

    • ไม้ยูคา: แข็งกว่าเล็กน้อยและทนต่อแรงดีกว่า เหมาะสำหรับงานโครงสร้างชั่วคราวหรือเฟอร์นิเจอร์ราคาย่อมเยา

    • ไม้ยางพารา: เนื้อไม้ละเอียดกว่า เหมาะกับการทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งในบ้านและงานที่ต้องการความสวยงาม

  • ไม้ยูคา vs ไม้สัก

    • ไม้ยูคา: ราคาถูกกว่า แต่มีอายุการใช้งานสั้นกว่าหากไม่ได้ป้องกันปลวกและความชื้น

    • ไม้สัก: มีความทนทานสูงสุดในบรรดาไม้ทั่วไป สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 50 ปี เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความหรูหรา

  • ไม้ยูคา vs ไม้เต็ง

    • ไม้ยูคา: น้ำหนักเบากว่าและง่ายต่อการตัดแต่ง

    • ไม้เต็ง: หนักและแข็งแรงกว่า เหมาะสำหรับงานที่ต้องการรับน้ำหนักมาก เช่น เสาและคาน

  • ไม้ยูคา vs ไม้ไผ่

    • ไม้ยูคา: มีโครงสร้างแข็งกว่า และสามารถใช้งานในงานโครงสร้างได้ดีกว่า

    • ไม้ไผ่: ยืดหยุ่นกว่าและมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับงานตกแต่งที่มีดีไซน์เฉพาะ

3. การใช้งานที่เหมาะสม

  • ไม้ยูคา:
    เหมาะสำหรับงานที่ต้องการวัสดุราคาไม่สูง เช่น เสารั้ว ไม้พาเลท หรือชั้นวางของขนาดเล็ก

  • ไม้ยางพารา:
    เหมาะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งในบ้าน เช่น โต๊ะและตู้เสื้อผ้า

  • ไม้สัก:
    เหมาะสำหรับงานไม้หรูหรา เช่น พื้นบ้าน เฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม

  • ไม้เต็ง:
    เหมาะสำหรับงานโครงสร้าง เช่น สะพาน เสา และพื้นไม้กลางแจ้ง

ไม้ยูคาเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความคุ้มค่าและต้นทุนต่ำ เช่น เสารั้วหรืองานโครงสร้างเบาๆ หากคุณต้องการไม้ที่มีความหรูหราและใช้งานได้นาน ไม้สักหรือไม้เต็งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากเน้นงานที่ใช้งานชั่วคราวหรือ DIY ไม้ยูคาคือตัวเลือกที่ดีและคุ้มค่าที่สุด [2]

การใช้ประโยชน์ไม้ ยูคา

ไม้ ยูคา เป็นไม้เนื้อแข็งที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย และสามารถนำไปใช้ในระยะเวลาอันสั้นได้ เพราะต้นยูคาลิปตัสเป็นไม้ยืนต้นที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว สำหรับไม้ที่มีอายุ 3–5 ปี ก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้แล้ว แต่ถ้าหากต้องการแก่นไม้ต้องรอให้ต้นยูคาลิปตัสมีอายุเกิน 15 ปีขึ้นไป สำหรับการนำไปใช้ประโยชน์นั้นมีตั้งแต่ผลิตกระดาษ ทำฟืนหรือเผาถ่าน ทำรั้ว เสา คอกปศุสัตว์ แปรรูปทำแผ่นชิ้นไม้อัด ทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ในการก่อสร้างต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ยูคา
https://wp-builk-th.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com

วิธีเลือกซื้อไม้ยูคาคุณภาพดี เคล็ดลับสำหรับงานไม้ที่สมบูรณ์แบบ

ไม้ ยูคา เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับงานไม้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานโครงสร้าง งานเฟอร์นิเจอร์ หรืองาน DIY ด้วยคุณสมบัติที่ใช้งานได้หลากหลายและราคาประหยัด อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อ ไม้ ยูคา คุณภาพดี เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผลงานออกมาดูดีและคงทน

1. ตรวจสอบลักษณะเนื้อไม้ยูคา

เนื้อไม้ ยูคา ที่มีคุณภาพดีควรมีลักษณะดังนี้:

  • เนื้อไม้ตรง: เลือกไม้ที่มีเส้นใยตรงเพื่อให้ตัดแต่งง่ายและลดโอกาสที่ไม้จะบิดงอ

  • ผิวไม้เรียบเนียน: ผิวไม้ควรไม่มีรอยแตกหรือร่องลึก ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในงานติดตั้ง

  • สีไม้สม่ำเสมอ: สีของไม้ยูคาควรเป็นสีขาวครีมหรือออกน้ำตาลอ่อน ไม่มีจุดด่างดำที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพ

2. เลือกไม้ ยูคา ที่ผ่านกระบวนการอบแห้ง

การอบแห้งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ ไม้ ยูคา มีความทนทานและลดโอกาสเกิดการหดตัวหรือบิดงอเมื่อใช้งานในระยะยาว ไม้ที่อบแห้งดีมักจะ:

  • มีน้ำหนักเบากว่าไม้ที่ยังมีความชื้น

  • ไม่มีความชื้นสะสมที่อาจทำให้เกิดเชื้อรา

3. ตรวจสอบขนาดและความยาวของไม้ ยูคา

เลือกขนาดไม้ ยูคา ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น:

  • ไม้ ยูคา ขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับงาน DIY หรือทำเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็ก

  • ไม้ ยูคา ขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับโครงสร้าง เช่น เสารั้ว หรือการทำพาเลท

เคล็ดลับ: วัดความตรงของไม้โดยมองตามแนวความยาวของไม้ หากพบว่ามีความโค้งหรืองอมากเกินไป ควรหลีกเลี่ยง

4. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของไม้

หลีกเลี่ยงไม้ยูคาที่มีปัญหาเหล่านี้:

  • รอยแตกร้าว: โดยเฉพาะบริเวณปลายไม้

  • รูปลวกหรือรูหนอน: ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีแมลงเจาะไม้

  • กลิ่นอับชื้น: อาจบ่งบอกถึงความชื้นสะสมหรือการเก็บรักษาที่ไม่ดี

5. ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้

เลือกซื้อไม้ ยูคา จากร้านค้าที่มีชื่อเสียงหรือผู้ขายที่มีการรับรองคุณภาพ คุณอาจสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ:

  • แหล่งที่มาของไม้

  • กระบวนการผลิตและการจัดเก็บ

  • บริการหลังการขาย เช่น การตัดหรือขนส่ง

6. เปรียบเทียบราคา

ไม้ ยูคา มีราคาที่ค่อนข้างย่อมเยา แต่ราคาสามารถแตกต่างได้ขึ้นอยู่กับขนาด ความยาว และกระบวนการอบแห้ง การเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่งจะช่วยให้คุณได้ไม้ยูคาที่เหมาะสมทั้งในด้านคุณภาพและราคา

7. ความเหมาะสมกับการใช้งาน

ก่อนซื้อไม้ ยูคา คุณควรคำนึงถึงประเภทของงาน เช่น:

  • งานตกแต่งภายใน: เลือกไม้ยูคาที่มีลวดลายสวยงามและอบแห้งมาอย่างดี

  • งานโครงสร้างภายนอก: ควรเลือกไม้ที่มีการเคลือบสารกันปลวกหรือกันชื้น

 

การเลือกซื้อไม้ ยูคา คุณภาพดีไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณตรวจสอบเนื้อไม้ กระบวนการอบแห้ง และเลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม้ ยูคา ที่เหมาะสมจะช่วยให้งานไม้ของคุณมีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนาน

https://room.baanlaesuan.com/app/uploads/2021/01/MG_0042WEBRGB.jpg

ข้อดีของไม้ ยูคา

• อัตราการเจริญเติบโตเร็ว เนื่องจากมีส่วนของกระพี้มาก จึงมีพื้นที่ลำเลียงน้ำขึ้นสู่เรือนยอดมากตามไปด้วย อีกทั้งยังเป็นพืชที่หาสารอาหารในดินเก่งกว่าพืชชนิดอื่นด้วย จึงสามารถตัดไม้ ยูคา มาใช้งานได้ง่าย และถือเป็นไม้ที่มีการลงทุนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับไม้โตเร็วชนิดอื่น เพราะต้นยูคาลิปตัสมีราคาไม่สูงมาก สามารถหามาปลูกได้ง่าย และยังเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำอีกด้วย โดยราคา ไม้ ยูคา ตัน ละ 500 3,000 บาท (ไม้คละขนาด)
ราคาถูกและหาซื้อง่าย ไม้ ยูคา มีราคาค่อนข้างถูก เพราะเป็นไม้โตเร็วที่ใช้เวลาเจริญเติบโตไม่นานมาก หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากแก่นไม้ก็สามารถตัดไปใช้งานได้ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป แต่ถ้าหากต้องการแก่นไม้ที่เพียงพอต่อการใช้งานต้องรอให้มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าไม่นานมากเมื่อเทียบกับไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ไม้ยูคาลิปตัสยังหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย จึงทำให้ราคา ไม้ ยู คา ตัน ละ ไม่ค่อยสูงนัก
ใช้ทำฟืนและถ่านได้ดี หากใช้ไม้ยูคาลิปตัสทำถ่านจะทำให้ได้ถ่านคุณภาพดี เพราะให้ความร้อนสูง เมื่อนำไปเผาจะไม่แตกและไม่มีควัน ซึ่งคุณภาพของถ่านนั้นจะมีความใกล้เคียงกับถ่านจากไม้โกงกาง
แปรรูปได้อย่างหลากหลาย ไม้ ยู คา ลิป ตั ส เป็นไม้เนื้อแข็งที่สามารถแปรรูปเป็นแผ่นเส้นใยไม้อัด แผ่นชิ้นไม้อัด แผ่นไม้อัดซีเมนต์ แผ่นไม้ประกอบต่าง ๆ รวมถึงแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์และวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างต่าง ๆ อีกด้วย
เหมาะกับการผลิตกระดาษ เมื่อไม้ยูคาลิปตัสมีอายุ 36 ปี เนื้อไม้จะเหมาะกับการนำไปผลิตเยื่อกระดาษ จากการประเมินสามารถกล่าวได้ว่าเยื่อไม้ยูคาลิปตัส 1 ตัน จะผลิตเยื่อกระดาษได้ประมาณ 1 ตัน และด้วยความที่เยื่อไม้ยูคาลิปตัสมีความฟูสูง ทึบแสง อีกทั้งยังมีไฟเบอร์ที่แข็งแรง จึงเหมาะกับการนำไปผลิตเป็นกระดาษพิมพ์เขียวประเภทต่าง ๆ

ข้อเสียของไม้ ยูคา

• มีโอกาสบิดงอได้ง่าย เมื่อนำไม้ ยูคา ไปแปรรูปจะมีโอกาสที่ไม้จะบิดงอได้ง่าย เนื่องจากเนื้อไม้มีเสี้ยนบิดเป็นเกลียวและแตกร้าว ทำให้เหมาะกับการใช้งานหน้าแคบและสั้นมากกว่า
ไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศเย็นจัด แมลงและสัตว์รบกวนได้ ถึงแม้ว่าไม้ ยูคา จะเป็นไม้เนื้อแข็ง แต่คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ทำให้ไม่น่าใช้งานคือมีความสามารถในการทนต่อสภาพอากาศเย็นจัดต่ำกว่าไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ อีกทั้งยังไม่ทนต่อความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและศัตรูพืชอีกด้วย หากเวลาผ่านไปจะทำให้ไม้เปลี่ยนสีและเริ่มสูญเสียเนื้อไม้ไปในที่สุด
อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น เมื่อเทียบกับไม้เนื้อแข็งอย่างไม้สักที่มีอายุการใช้งานนานถึง 5070 ปี ไม้ยูคาลิปตัสถือว่าด้อยกว่ามาก ๆ เพราะเป็นไม้ที่มีอายุการใช้งานเพียง 25 ปีเท่านั้น หากต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่มีความทนทานและสามารถอยู่ได้นานมากกว่า 25 ปี ไม้ยูคาลิปตัสอาจไม่ตอบโจทย์นัก

ไม้ยูคา
https://itp1.itopfile.com

จุดเด่น

ไม้ ยูคา เป็นไม้เนื้อแข็งที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เร็วกว่าไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ เพราะเป็นไม้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว หากต้องการแก่นไม้ที่แข็งแรงและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต้องรอ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งต่างจากไม้เนื้อแข็งชนิดอื่นที่มักต้องรอนานถึงหลายสิบปีหรืออาจถึงร้อยปีกว่าจะมีแก่นไม้ที่เพียงพอ นอกจากนี้ไม้ยูคาลิปตัสยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายอีกด้วย เช่นนี้จึงทำให้หลายคนปลูกต้นยูคาลิปตัสเป็นพืชเศรษฐกิจ

ยูคา เป็นไม้โตเร็วต่างถิ่น โดยจัดเป็นพืชประจำถิ่นออสเตรเลีย ปัจจุบันพบปลูกมากในประเทศจีนและบราซิล ส่วนประเทศไทยมีการนำเข้าและปลูกอย่างจริงจังเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว นอกจากเป็นไม้โตเร็วแล้ว ไม้ ยูคา ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายอีกด้วย จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งไม้ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่กว่าจะมีแก่นไม้ต้องใช้เวลานานกว่า 15 ปีเลยทีเดียว หากใครสนใจไม้เก่า คุณภาพดีที่พร้อมนำไปใช้งาน TWOMENWOOD มีสินค้าพร้อมส่งทั่วประเทศด้วย สำหรับท่านใดต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี

หมายเหตุ ร้านเราจะขายไม้เก่าไทย เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เนื้อแข็ง สามารถตรวจเช็คราคาได้ทางข้างล่าง

ตรวจสอบราคาสินค้า

อ้างอิง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไม้ยูคา

1. ไม้ยูคาคืออะไร?
ไม้ยูคาหมายถึงไม้ที่ได้จากต้นยูคาลิปตัส (Eucalyptus spp.) ซึ่งเป็นไม้โตเร็ว มีความแข็งแรงปานกลาง และนิยมใช้ในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้าง และกระดาษ ไม้ยูคามีเนื้อแน่น สีอ่อน และสามารถนำมาแปรรูปได้ง่าย

2. ไม้ยูคามีคุณสมบัติเด่นอะไรบ้าง?

  • โตเร็ว: สามารถปลูกและตัดได้ภายใน 3-7 ปี

  • ลวดลายสวยงาม: สีไม้อ่อน มักเป็นสีขาวหรือเหลืองอ่อน

  • น้ำหนักเบาถึงปานกลาง: ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์

  • มีความแข็งแรงพอสมควร: เหมาะสำหรับงานโครงสร้างเบาและเฟอร์นิเจอร์

  • ราคาถูก: เมื่อเทียบกับไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น

3. ไม้ยูคานิยมใช้งานในด้านใด?

  • เฟอร์นิเจอร์: โต๊ะ ตู้ เตียง เก้าอี้ และชั้นวางของ

  • งานโครงสร้าง: เสาไม้ กระดานปูพื้น และไม้แบบก่อสร้าง

  • งานเกษตรกรรม: ทำคอกสัตว์ เสาปักรั้ว และไม้ค้ำยัน

  • อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ: ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษ

  • เชื้อเพลิงชีวมวล: ใช้ทำฟืน ถ่าน และไม้สับสำหรับผลิตพลังงาน

4. วิธีตรวจสอบว่าเป็นไม้ยูคาหรือไม่?

  • สีไม้: มักมีสีขาวนวลถึงเหลืองอ่อน

  • ลวดลาย: ค่อนข้างเรียบ ไม่มีเส้นใยที่เด่นชัด

  • น้ำหนัก: เบาถึงปานกลาง

  • เนื้อไม้: ค่อนข้างเหนียวแต่ไม่แข็งมาก

5. ไม้ยูคาหาได้จากที่ไหน?

  • สวนป่าเชิงพาณิชย์และฟาร์มปลูกไม้ยูคา

  • โรงงานแปรรูปไม้และโรงงานกระดาษ

  • ร้านขายไม้ทั่วไป

6. ไม้ยูคามีราคาแพงหรือไม่?
โดยทั่วไปไม้ยูคามีราคาถูกกว่าพวกไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สักหรือไม้มะค่า เพราะเป็นไม้โตเร็วและมีต้นทุนการปลูกต่ำ

7. วิธีดูแลรักษาไม้ยูคาทำอย่างไร?

  • ควรทาสารกันปลวกและเชื้อรา เพราะไม้ยูคาค่อนข้างเสี่ยงต่อการถูกแมลงกัดกิน

  • ทาน้ำยาเคลือบไม้เพื่อป้องกันความชื้น

  • หลีกเลี่ยงการวางไม้ยูคาในที่ที่เปียกชื้นหรือโดนแดดจัด

8. ปัญหาที่พบบ่อยในไม้ยูคาคืออะไร?

  • ไม้อาจบิดงอหรือแตกร้าวได้ง่ายหากไม่ได้อบแห้งอย่างเหมาะสม

  • ไม่ทนต่อปลวกและมอดเท่ากับไม้เนื้อแข็ง

  • เมื่อโดนน้ำมาก ๆ อาจเกิดเชื้อราได้

9. ไม้ยูคาต่างจากไม้เนื้อแข็งอื่น ๆ อย่างไร?

  • โตเร็วและราคาถูกกว่าไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า

  • แข็งแรงน้อยกว่าไม้เนื้อแข็ง แต่ยังคงทนทานในระดับปานกลาง

  • ลวดลายไม้เรียบง่าย สีอ่อนกว่าพวกไม้มะค่าหรือไม้มะฮอกกานี

10. ไม้ยูคาสามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้หรือไม่?
ได้ แต่ควรมีการขัดผิวไม้ใหม่ ทาน้ำยาเคลือบป้องกันแมลง และตรวจสอบรอยแตกหรือบิดงอก่อนนำไปใช้งาน