สินค้า
ไม้ตะแบก ไม้เนื้อแข็งราคาถูกที่ยังคงถูกนำมาใช้งาน
กรมป่าไม้ได้ให้ข้อมูลว่า ตะแบก เป็นหนึ่งในไม้หวงห้ามธรรมดา ประเภท ก. โดยเฉลี่ยราคาไม้ท่อนจะอยู่ที่ 17,500 บาท/ลูกบาศก์เมตร และไม้ตะแบกแปรรูปจะมีราคาอยู่ที่ 35,000 บาท/ลูกบาศก์เมตร ด้วยความที่เป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง (ความแข็ง 628 กก.) จึงถูกนำมาใช้งานในหลาย ๆ ด้าน ปัจจุบันยังมีการนำไม้ตะแบกมาทำเป็นเสาบ้าน ทำเรือ แพ เครื่องกสิกรรม เครื่องเรือน ด้ามมีด ด้ามปืน กรอบรูป เป็นต้น
ตะแบก (Tabaek) เป็นไม้ผลัดใบที่มีความสูงประมาณ 15–30 เมตร สำหรับประเทศไทยพบได้ในป่าเบญจพรรณที่ค่อนข้างมีความชุ่มชื้นทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคตะวันออก และภาคใต้ พบมากในป่าดงดิบ ป่าน้ำท่วม และตามท้องนาทั่วไป ลำต้นมีเปลือกเรียบเป็นมันสีเทาอมขาว มีรอยแผลเป็นหลุมตื้นตลอดลำต้น เนื้อไม้มีสีเทาไปจนถึงสีน้ำตาลอมเทา เสี้ยนตรงหรือเกือบตรง เนื้อไม้มีความแข็งเหนียว ละเอียดปานกลาง เมื่อมีอายุ 3–17 ปี ตะแบกจะเริ่มมีความทนทานตามธรรมชาติ โดยไม้ตะแบกที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป จึงจะเหมาะกับการนำไปใช้เป็นสิ่งปลูกสร้าง และนิยมปลูกเป็นไม้ประดับอีกด้วย [1]
ประวัติและความสำคัญทางวัฒนธรรมของไม้ตะแบก
ไม้ตะแบก เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความสำคัญอย่างมากในเชิงวัฒนธรรมและประเพณีของไทย โดยมีการใช้งานและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นในหลากหลายพื้นที่ [5][6]
ความเชื่อเกี่ยวกับไม้ตะแบก
ในบางพื้นที่ของประเทศไทย ไม้ตะแบกถือเป็น ไม้มงคล เชื่อว่าการปลูกต้นตะแบกในบ้านช่วยเสริมความแข็งแกร่งและมั่นคงให้กับครอบครัว
คำว่า “ตะแบก” สื่อถึงความพยายามและความอดทน อันเป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับผู้คนที่ต้องการสร้างความสำเร็จในชีวิต
การใช้งานในวิถีชีวิตและประเพณี
ไม้ตะแบกเคยถูกใช้ทำ เสาโทน หรือเสากลางเรือนในอดีต เนื่องจากความแข็งแรงและความเชื่อว่าช่วยปกป้องบ้านจากภัยพิบัติ
ในงานแกะสลักและงานฝีมือ ไม้ตะแบกเป็นที่นิยมสำหรับการสร้าง พระพุทธรูป หรือวัตถุสิ่งของทางศาสนา เพราะเนื้อไม้ละเอียดและง่ายต่อการแกะสลัก
บทบาทในงานภูมิสถาปัตย์
ต้นตะแบกถูกปลูกในบริเวณวัด โรงเรียน และสถานที่ราชการ เพราะให้ร่มเงาและมีดอกที่สวยงาม สร้างความสง่างามให้กับพื้นที่
การใช้ไม้ตะแบกในงานก่อสร้างหรือเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยเน้นการออกแบบที่ผสมผสานความดิบของเนื้อไม้กับการใช้งานร่วมสมัย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้น ตะแบก
ตะแบก (Tabaek) เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ลำต้นสูงประมาณ 15–30 เมตร แตกกิ่งแขนงบนเรือนยอด มีลักษณะเป็นทรงพุ่มรูประฆัง ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามกันบนกิ่งแขนงย่อย หรืออาจออกเยื้องตรงข้ามกันเล็กน้อย ใบอ่อนมีสีม่วงแดง และมีขนสั้น ๆ ปกคลุมอยู่ เมื่อใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดและมัน มีขนสั้นๆปกคลุม โดยจะผลัดใบในช่วงเดือนกันยายน-เมษายน และแตกใบใหม่ในเดือนธันวาคม-พฤษภาคม ส่วนดอกจะมีสีม่วงอมชมพูหรือสีขาว ออกดอกเป็นช่อ ขอบกลีบดอกย่น มีสีม่วง ประกอบด้วยดอกย่อยประมาณ 20–25 ดอก และผลมีลักษณะค่อนข้างกลม ผลสดมีเปลือกหุ้มหนาสีเขียว เมื่อแก่เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล [2]
ชนิดของไม้ ตะแบก ที่อยู่ในสกุล Lagerstroemia
• ตะแบกนา เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 10–25 เมตร สามารถพบตามป่าเบญจพรรณชื้น ป่าดิบ ป่าน้ำท่วม และตามท้องนาทั่วไป โคนต้นเป็นพูพอน เปลือกนอกสีเทาอมขาว มีการแตกร่อนเป็นหลุมตื้น ๆ ส่งผลให้ผิวเปลือกด่างเป็นวงกระจายทั่วลำต้น เนื้อไม้แข็งปานกลาง มีความละเอียด ใจกลางมักเป็นโพรง สามารถใช้เป็นสิ่งปลูกสร้างและทำเครื่องมือการเกษตรได้ เช่น พื้นไม้ เสาบ้าน ทำเรือ ด้ามมีด ด้ามเสียม เป็นต้น
• ตะแบกแดง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15–20 เมตร จัดเป็นไม้หลักของป่าเบญจพรรณชื้น ซึ่งมีกระจายขึ้นไปทั้งในป่าดงดิบแล้งถึงป่าดงดิบชื้น โดนต้นมักเป็นพูพอน เปลือกสีเทา แตกเป็นร่องแผ่นโต ๆ เปลือกในสีม่วง เนื้อไม้สีน้ำตาลถึงน้ำตาลอมเทา มีความแข็งและละเอียด สามารถใช้เป็นสิ่งปลูกสร้างและทำเครื่องมือเครื่องใช้ได้ เช่น กาน เครื่องบน ไม้ปาร์เกต์ เกวียน ด้ามเครื่องมือทางการเกษตร เป็นต้น [3]
ลักษณะของไม้ตะแบกที่เหมาะกับการนำมาแปรรูป
ไม้ตะแบก(Tabaek) จัดเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง เมื่อเทียบกับไม้เนื้อแข็งชนิดอื่นแล้วอาจมีความทนทานน้อยกว่า เพราะฉะนั้นไม้ตะแบกที่เหมาะกับการแปรรูปควรมีอายุหลายสิบปีขึ้นไป ซึ่งสามารถสังเกตอายุของไม้จากแก่นและกระพี้ของไม้ได้ ในกรณีที่เป็นไม้ตะแบกเก่า หากจะทำการแปรรูปเพื่อใช้งานอีกครั้ง จำเป็นต้องเลือกไม้ที่ยังคงมีสภาพดีและมีตำหนิน้อยที่สุด นอกจากนี้ขนาดของไม้ต้องเหมาะสมกับการแปรรูปด้วย
เปรียบเทียบไม้ตะแบกกับไม้ชนิดอื่นในกลุ่มไม้เนื้อแข็ง
ไม้ตะแบกดีไหม เรามาดูข้อดีข้อเสียของไม้ตะแบก
ข้อดีของไม้ตะแบก
• ไม้ตะแบกมีโทนสีค่อนข้างอ่อน ทำให้ง่ายต่อการย้อมและตกแต่งตามความต้องการ
• ไม้ตะแบกมีเนื้อไม้ที่มีความแข็งอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งถือว่าไม่แข็งจนเกินไป จึงทำให้ง่ายต่อการไสตกแต่ง โดยเฉพาะการนำไปใช้ปูพื้น
• ไม้ตะแบกถือเป็นไม้ที่ไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับแมลง ปลวกและมอดมารบกวน
• เนื้อไม้ตะแบกมีความละเอียด สามารถนำมาไสและขึ้นเงาได้ง่าย อีกทั้งยังมีลวดลายที่สวยงามและชัดเจนใกล้เคียงกับไม้สักด้วย
• ไม้ตะแบกมีราคาค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่น ๆ จึงเป็นตัวเลือกที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้
ข้อเสียของไม้ตะแบก
• สีของเนื้อไม้ตะแบกจะค่อนข้างอ่อน การจะนำไปใช้เป็นสิ่งปลูกสร้าง หรือใช้ในเชิงประดับตกแต่ง จำเป็นต้องผ่านการย้อมสีให้สวยงามก่อน
• หากเนื้อไม้ตะแบกโดนน้ำหรือความชื้น มีโอกาสที่จะเกิดการบิดงอ และโก่งตัวได้
• ไม้ตะแบกเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง ซึ่งสามารถยืดและหดตามสภาพอากาศได้
• ไม้ตะแบกเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง แต่ก็มีขีดจำกัดในการรับน้ำหนัก จึงไม่เหมาะกับการนำไปปูพื้นที่ต้องรับน้ำหนักมากเป็นพิเศษ
ไม้ตะแบกเหมาะกับการนำมาใช้ทำอะไร
เนื้อไม้ตะแบก(Tabaek) เหมาะที่จะนำไปแปรรูปเป็นไม้ที่ใช้ในการก่อสร้างต่าง ๆ เช่น ไม้วงกบ ไม้ฝา แผ่นไม้ปูพื้น เป็นต้น นอกจากนี้ไม้ตะแบกยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์และเครื่องมือเครื่องใช้ประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้เก็บของ กล่องไม้ ด้ามมีด ด้ามปืน และอื่น ๆ ในส่วนของท่อนไม้ตะแบกสามารถนำไปเผาถ่านได้ โดยจะให้ก้อนถ่านที่แข็ง มีความร้อนสูง และกิ่งก้านก็ยังเป็นเชื้อเพลิงได้ดีอีกด้วย [4]
การใช้งาน ไม้ตะแบก ในงานออกแบบสมัยใหม่
ไม้ตะแบก เป็นวัสดุที่โดดเด่นในวงการงานออกแบบสมัยใหม่ เนื่องจากมีคุณสมบัติทนทานและลวดลายธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสง่างาม การนำไม้ตะแบกมาใช้งานในงานออกแบบต่าง ๆ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความยั่งยืนของวัสดุไม้ธรรมชาติ แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่สมดุลระหว่างความเป็นธรรมชาติและความทันสมัย
คุณสมบัติของไม้ตะแบกที่เหมาะกับงานออกแบบสมัยใหม่
ความแข็งแรงและความทนทาน
ไม้ตะแบกเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว
มีความสามารถทนต่อปลวกและแมลง รวมถึงความชื้นในระดับหนึ่ง
ลวดลายธรรมชาติ
ลวดลายไม้ตะแบกมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและดูหรูหราให้กับพื้นที่
ปรับตัวได้กับงานออกแบบหลากหลาย
ใช้ได้ทั้งงานภายนอกและงานภายใน เช่น พื้นไม้ ฝ้าเพดาน เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่ง
การใช้งานไม้ตะแบกในงานออกแบบสมัยใหม่
พื้นไม้และผนังตกแต่งภายใน
ไม้ตะแบกถูกใช้เป็นพื้นไม้ในบ้านหรืออาคารที่ต้องการความแข็งแรงและความงดงามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังใช้เป็นผนังไม้ตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและทันสมัยเฟอร์นิเจอร์ไม้ตะแบก
นิยมนำไม้ตะแบกมาผลิตเป็นโต๊ะ เก้าอี้ และชั้นวางของที่ต้องการความคงทน
เหมาะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นลวดลายไม้ธรรมชาติ เพื่อเติมเต็มสไตล์มินิมอลหรือสแกนดิเนเวียน
การตกแต่งภายนอกอาคาร
ไม้ตะแบกยังสามารถใช้ในการทำระเบียง ซุ้มไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง โดยมีการเคลือบสารป้องกันความชื้นเพื่อยืดอายุการใช้งานงานออกแบบผสมผสาน
การผสมผสานไม้ตะแบกกับวัสดุอื่น ๆ เช่น กระจก โลหะ หรือหิน ช่วยสร้างสรรค์ดีไซน์ที่สมดุลระหว่างความอบอุ่นและความทันสมัย
ประโยชน์ของไม้ตะแบกในงานออกแบบสมัยใหม่
ความยั่งยืน: ใช้วัสดุจากธรรมชาติที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
เพิ่มมูลค่าให้กับงานออกแบบ: ลวดลายที่โดดเด่นช่วยเพิ่มความน่าสนใจและมูลค่าให้กับเฟอร์นิเจอร์และโครงสร้าง
ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลาย: ไม่ว่าจะเป็นงานตกแต่งภายในหรือภายนอก ไม้ตะแบกสามารถปรับใช้ได้ในหลายรูปแบบ
การใช้ ไม้ตะแบก ในงานออกแบบสมัยใหม่เป็นการผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับความทันสมัยอย่างลงตัว นอกจากความแข็งแรงและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ไม้ตะแบกยังตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนและความสวยงามที่เหนือกาลเวลา ทำให้เหมาะสำหรับการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เน้นทั้งความคงทนและสุนทรียภาพ
ไม้ตะแบกเก่าแปรรูป และขนาดมาตรฐาน
ขนาดของไม้ตะแบกแปรรูปจะไม่ค่อยตายตัวนัก จึงทำให้เราสามารถกำหนดขนาดและความหนาได้อย่างหลากหลาย โดยการกำหนดขนาดของไม้ตะแบกแปรรูปนั้นจะขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้งานเป็นหลัก อย่างไรก็ตามขนาดมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปสามารถจำแนกได้ ดังนี้
• ไม้พื้น ความหนามีตั้งแต่ 1 นิ้ว, 1.5 – 2 นิ้ว และ 2.5 – 3 นิ้ว ความกว้างมีตั้งแต่ 3, 4, 5, 6, 8, 10 และ 12 นิ้ว
• ไม้ฝา ความหนาจะมีตั้งแต่ 1/2 – 3/4 นิ้ว และกว้างตั้งแต่ 4 – 6 นิ้ว และ 8 – 10 นิ้ว
เคล็ดลับการดูแลรักษาไม้ตะแบก
ไม้ตะแบก เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีคุณสมบัติทนทานและเหมาะสมกับการใช้งานที่ต้องการความแข็งแรงและความสวยงาม การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ไม้ตะแบกคงความสวยงามและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เรามาเรียนรู้เคล็ดลับในการดูแลไม้ตะแบกเพื่อให้คงทนและมีความสวยงามในทุกการใช้งาน [8]
1. การทำความสะอาดไม้ตะแบก
การทำความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้ไม้ตะแบกดูใหม่และไม่สะสมฝุ่นละออง
ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดทำความสะอาดไม้ตะแบกเพื่อไม่ให้ไม้เสียหายจากการใช้สารเคมี
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป เพราะอาจทำให้ไม้บวมและเกิดความเสียหายได้
2. การเคลือบไม้ตะแบก
การเคลือบไม้ตะแบกด้วยน้ำมันไม้หรือแวกซ์ไม้นอกจากจะช่วยให้ไม้มีความเงางามแล้ว ยังช่วยป้องกันการขีดข่วนและรอยด่างได้
การทาน้ำมันไม้ทุก 6 เดือนหรือเมื่อไม้เริ่มดูหมองจะช่วยรักษาความเงางามและเพิ่มอายุการใช้งาน
น้ำมันไม้ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติจะช่วยป้องกันไม้จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
3. การป้องกันแมลงและปลวก
แม้ว่าไม้ตะแบกจะทนทานต่อการโจมตีของปลวกและแมลงได้ดี แต่การป้องกันเพิ่มเติมก็เป็นสิ่งสำคัญ
ใช้สารป้องกันปลวกหรือแมลงที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการทำลายจากแมลงในระยะยาว
ตรวจสอบไม้ตะแบกทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าไม้ยังคงสภาพดี ไม่มีร่องรอยการกัดกร่อนจากปลวก
4. การหลีกเลี่ยงความชื้น
การเก็บรักษาไม้ตะแบกในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงอาจทำให้ไม้เสียหายได้
หลีกเลี่ยงการวางไม้ตะแบกในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือใกล้แหล่งน้ำ เช่น ใกล้ประตูหน้าต่างที่เปิดบ่อย
การใช้ไม้ตะแบกในงานตกแต่งภายในหรืองานเฟอร์นิเจอร์จะต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำโดยตรง
5. การจัดเก็บไม้ตะแบก
การจัดเก็บไม้ตะแบกอย่างถูกต้องจะช่วยรักษาคุณภาพของไม้ให้คงอยู่
วางไม้ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี และหลีกเลี่ยงการวางทับกันหลายชั้น เพื่อป้องกันการเสียรูป
หากเก็บไม้ตะแบกในที่ร่ม ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเพื่อป้องกันการซีดจางและการเกิดรอยไหม้จากแสง
6. การดูแลไม้ตะแบกในงานออกแบบสมัยใหม่
ในงานออกแบบสมัยใหม่ที่ใช้ ไม้ตะแบก เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติและความสวยงามให้กับพื้นที่
การดูแลรักษาไม้ตะแบกที่ใช้ในเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งภายในควรทำการขัดเงาและเคลือบไม้บ่อย ๆ เพื่อให้ไม้ดูใหม่เสมอ
การรักษาความสมบูรณ์ของไม้ตะแบกในงานออกแบบสมัยใหม่จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับบ้านและการตกแต่งภายในในระยะยาว
จุดเด่นของไม้ตะแบก
ตะแบกมีเนื้อไม้ที่ละเอียด ลวดลายชัดเจน ซึ่งในอดีตนิยมใช้เป็นไม้แบบ แต่ภายหลังมักถูกนำไปใช้ในการปูพื้น เมื่อขัดและลงเงาแล้วจะมีลักษณะคล้ายกับไม้สัก แต่สีจะอ่อนและคุณภาพเป็นรองไม้สัก อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง จึงทำให้ง่ายต่อการนำไปใช้ประโยชน์ เพราะสามารถเลื่อยไสได้ง่าย เนื้อไม้ไม่แข็งจนเกินไป
จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่าไม้ตะแบก(Tabaek) นั้นก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนยังนิยมใช้กันอยู่ แต่ทว่าความทนทานนั้นอาจมีน้อยกว่าไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ จึงสรุปได้ว่าการใช้ไม้ที่มีอายุมากและแข็งแรงทนทานนั้นสำคัญมากพอสมควร เพราะคุณสมบัติของไม้ดังกล่าวจะยิ่งช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น เช่นเดียวกับไม้เก่าที่มีดีกว่าไม้ใหม่ตรงที่ความแข็งแรงทนทาน เพราะมีอายุมากกว่า และผ่านการใช้งานมาแล้ว สำหรับใครที่สนใจสินค้าไม้เก่าคุณภาพดี TWOMENWOOD เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่คุณสามารถไว้วางใจได้ สำหรับท่านใดต้องการดูสินค้าด้วยตัวเอง เรามีหน้าร้านไม้เก่าอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
หมายเหตุ ราคาไม้ตะแบกสามารถเปรียบเทียบราคากับไม้เนื้อแข็งได้เลยครับ ทางด้านล่าง
ตรวจสอบราคาสินค้า
อ้างอิง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไม้ตะแบกเก่า
1. ไม้ตะแบกเก่าคืออะไร?
ไม้ตะแบกเก่า หมายถึง ไม้ตะแบกที่มีอายุการใช้งานหรือปลูกไว้นานจนเนื้อไม้มีความแกร่งและคุณภาพดีเยี่ยม มักมีสีเข้มและลวดลายที่สวยงาม นิยมใช้ในงานไม้และงานก่อสร้าง
2. เนื้อไม้ตะแบกเก่ามีคุณสมบัติพิเศษอย่างไร?
มีความแข็งแรงและทนทานสูง
ทนต่อการผุกร่อนและแมลงศัตรูไม้ เช่น ปลวก
ลวดลายไม้สวยงาม มักมีสีน้ำตาลเข้มหรือสีแดงอมม่วง
3. ไม้ตะแบกเก่าใช้ทำอะไรได้บ้าง?
งานก่อสร้าง เช่น เสาบ้าน พื้น หรือโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรง
เฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ และตู้ไม้
งานแกะสลักและตกแต่ง เช่น ประตูไม้ ลายฉลุ
4. ไม้ตะแบกเก่าหาได้จากที่ไหน?
ไม้ตะแบกเก่ามักพบได้จากบ้านหรืออาคารเก่าที่ถูกรื้อถอน หรือในตลาดไม้มือสองและร้านขายไม้เก่า
5. วิธีดูว่าเป็นไม้ตะแบกเก่าจริงหรือไม่?
เนื้อไม้จะมีสีเข้มและลวดลายเด่นชัด
เมื่อเคาะจะมีเสียงแน่น สะท้อนถึงความแข็งแรง
น้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่น
6. ไม้ตะแบกเก่าราคาแพงไหม?
ราคาไม้ตะแบกเก่าขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพของเนื้อไม้ โดยทั่วไปจะมีราคาสูงกว่าไม้ตะแบกใหม่ เนื่องจากความแข็งแรงและความหายาก
7. การดูแลรักษาไม้ตะแบกเก่าต้องทำอย่างไร?
ทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เพื่อลดฝุ่น
ลงน้ำมันหรือน้ำยาเคลือบไม้เพื่อป้องกันความชื้นและรักษาลวดลาย
ระวังไม่ให้สัมผัสน้ำมากเกินไปเพื่อป้องกันการบวม
8. ไม้ตะแบกเก่ามีปัญหาอะไรบ้าง?
อาจมีรอยแตกหรือรอยร้าวเนื่องจากผ่านการใช้งานมานาน
หากไม่ได้ดูแลดี อาจเกิดปัญหาปลวกหรือมอดเข้าไปทำลาย
9. ไม้ตะแบกเก่าต่างจากไม้ตะแบกใหม่อย่างไร?
ไม้ตะแบกเก่ามีเนื้อไม้ที่แกร่งกว่าและสีเข้มกว่าจากการใช้งานและอายุของไม้
ไม้ตะแบกใหม่มีสีอ่อนกว่า และอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาคุณภาพเนื้อไม้